วันนี้วันพฤหัส ร้านปิด โฮสบอกให้ไปเที่ยวได้ มาวันแรกยังไม่ได้เริ่มทำงาน
ก็ได้ไปเที่ยวซะแล้ว วันนี้วันหยุด อาหารเช้ามีตอน 8.00 น.
เรานั่งทานข้าวกับฮิโรชิซังและคินูโยะซัง ทานเสร็จล้างจานและเช็ดจานให้แห้ง
แล้วเก็บเข้าตู้ คินูโยะซังให้ตารางรถไฟมาว่ามีรอบไหนบ้าง
ฉันบอกว่าจะกลับมาเย็นๆให้ทันทานข้าวเย็นตอน 1 ทุ่ม
แล้วคินูโยะซังก็มาส่งหน้าบ้าน
บอกทางเดินจากบ้านไปสถานีรถไฟ
ฉันเดินเลาะเลียบมาเรื่อยๆตามทางรถไฟ ช่วงนี้ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีแล้ว สวยเชียว
เดินมาจนถึงสถานี ซื้อตั๋วมารอรถไฟที่ชานชาลา
วิวด้านหลังชานชาลา มีภูเขาล้อมรอบเมือง
อากาศคือดีเว่อๆ ^^
มาถึงสถานีมัตสึโมโต้เกือบ 11 โมง ยืนเล่นเน็ทอัพเฟสกว่าจะเสร็จก็เกือบ 11 โมงครึ่งนู่น
เสร็จแล้วเราก็เริ่มเดินจากสถานี ไปยังปราสาทมัตสึโมโต้
ระหว่างทาง มัตสึโมโต้เป็นเมืองน่ารัก
เดินตามแผนที่ไปเรื่อยๆ
มองไปเป็นทางเข้าตัวปราสาท ฝั่งซ้ายมือสุดคือปราสาทมัตสึโมโต้
เรายังไม่เข้าไปข้างในขอเดินเล่น สำรวจโลกกันก่อน
เดินวนอ้อมมาด้านหลังตัวปราสาท เจอใบไม้เปลี่ยนสีอีก
แล้วก็เดินวนกลับมาถึงทางเข้าอีกรอบนึง ไหนๆก็มาถึงนี่แล้ว ซื้อตั๋วเข้าไปชมด้านในกันหน่อย
ค่าเข้าชม คนละ 610 เยน ตอนซื้อเห็นผู้ชายคนญี่ปุ่น เค้าพูด "ไฮ่" กับเจ้าหน้าที่ขายตั๋ว
เราเลยเอามั่ง เจ้าหน้าที่เลยให้โบรชัวร์ภาษาญี่ปุ่นกับเรามา
"หนูอ่านญี่ปุ่นไม่ออกค่าาาาาาา "><
เดินเข้ามาด้านใน เดินตามทางไปเรื่อยๆ ไปยังตัวปราสาท ฮิโรชิซังบอกว่าถ้ายูมิจังมาที่นี่ ยูมิต้องปีน
ขึ้นไปดูวิวบนยอดด้านบนนะ
ก่อนเข้าไปด้านใน จะมีเจ้าหน้าที่คอยแจกถุงพลาสติกค่ะ เอาไว้ใส่รองเท้าแล้วเราก็หิ้วรองเท้าเราไปด้วย
เอาแล้ว! เท้าเปล่า ใส่รองเท้าหุ้มส้นมา พอถอดออกก็เท้าเปล่าค่ะ พื้นปราสาทเป็นพื้นไม้
อากาศหนาวขนาดนี้ เย็นเท้าค่ะ! บอกเลย ฮ่าๆๆ
บันไดไม้ด้านในปราสาท ที่เราต้องปีนขึ้นไป บางจุดบันไดจะชันมาก และด้านในปราสาทค่อนข้างมืด
ต้องระมัดระวังมากๆนะคะ
แล้วเราก็ปีนขึ้นมาบนสุดของยอดปราสาทค่ะ แอบหอบ แฮ่กๆ ณ จุดๆนี้
วิวจากด้านบนมองลงมา
อีกฝั่งนึงค่ะ ฝั่งที่เดินเข้ามา
ตรงนี้จุดบนสุดของยอดปราสาทค่ะ
พักเหนื่อย ชมวิวเสร็จก็เดินลงมาค่ะ
หามุมจัดเซลฟี่กันหน่อย มาคนเดียว รูปเดี่ยวต้องมีบ้าง
ปราสาท MATSUMOTO
บ่ายสองกว่าแล้ว เริ่มหิวค่ะ เดินไปแฟมิลี่มาร์ทด้านนอกปราสาท ได้ขนมปังมาทาน
นั่งชมวิวปราสาทเพลินๆ
บ่ายสามกว่า เราก็เดินกลับไปยังสถานีค่ะ เพื่อรอขึ้นรถไฟรอบห้าโมง ถ้ากลับค่ำกว่านี้จะมืด
กลัวจำทางกลับบ้านไม่ได้ ฮ่าๆ จะแวะเล่นเน็ทก่อนกลับด้วย เลยต้องเผื่อเวลานิดนึง
เดินมาเรื่อยๆจนถึงหน้าสถานี
จากนั้นก็เล่นเน็ทแล้ว นั่งรถไฟกลับ Hotaka ค่ะ อาบน้ำตอนหกโมง ทานข้าวเย็นตอน 1 ทุ่ม
ทานเสร็จก็ล้างจาน เช็ดจานเก็บเข้าตู้ แล้วก็ขึ้นบ้านไปนอน วันนี้ชิวๆ สบายๆค่ะ ^^
พรุ่งนี้เริ่มทำงานวันแรกแล้ว จะเป็นยังไงบ้าง
โปรดติดตามตอนต่อไป >> โตเกียวอะเกน : WWOOF DAY 3 เริ่มงานวันแรก
>> http://arrowinjapan.blogspot.com/2016/05/wwoof-day3.html
โตเกียวอะเกน : WWOOF DAY 1 "กว่าจะถึง Azumino"
WWOOF DAY 1
วันนี้ต้องตื่นไปขึ้นรถที่ชินจูกุ เพื่อเดินทางไปยังบ้านโฮสที่ Azumino , Nagano
แผนการเดินทางของเราคือ นั่งรถจากชินจูกุไปลงมัตสึโมโต้ (Matsumoto) ประมาณ 3 ชั่วโมงและต่อรถไฟจากสถานีมัตสึโมโต้ ไป HOTAKA อีกประมาณครึ่งชั่วโมง จริงๆเดินทางโดยรถไฟได้แต่แพง!! เลยนั่งรถแล้วต่อรถไฟ
เมื่อวานเนื่องจากฟ้ามาสางที่โตเกียว ไม่ได้นอนมาจากไทย!!! หลับไหลมาก! ตั้งปลุก 7โมง ไม่ยอมลุก แอบงีบต่อ ตื่นมาอีกที แปดโมงครึ่ง!!!!!! รถเราออก 10.50 น. ที่ชินจูกุ !!!!!!! กรี๊ดดดดดดด !!!!
ไปอาบน้ำเลย เก็บของ เช็คเอาท์ วิ่ง 4 คูณ 100 ไปรถไฟใต้ดิน ถึงสถานีชินจูกุ 10.40 น. !!!
อีก 10 นาที รถจะออก!!! แทบอุ้มกระเป๋าล้อลาก วิ่งขึ้นบันได
เอาตั๋วที่จองมาจากไทยมาแลกที่เคาท์เตอร์ ยื่นตั๋วปุ๊บ!
เจ้าหน้าที่บอก : ซามพันห่าโรยเยน (3,500 เยน)
เราก็เฮ้ย! พูดไทยได้ด้วยเหรอคะ? ยูแคนสปีคไทย??
เจ้าหน้าที่ : นิดโหน่ย คึนรถหนุ่งรึซอง หม่ายรุ (พูดได้นิดหน่อย ขึ้นรถชานชาลา 1 หรือ 2 อันนี้ไม่รู้)
เป็นความน่ารักของเจ้าหน้าที่คนญี่ปุ่นค่ะ นักท่องเที่ยวไทยมาเยอะ เค้าพูดภาษาไทยได้ด้วย^^
เอ้า!ได้ตั๋วแล้ว แอบหอบ อากาศเย็นๆ วิ่ง4คูณ100 มาขึ้นรถ - -"
เอาล่ะ! บ๊ายบายโตเกียว เดี๋ยวพี่จะกลับมา !!!
รถออกตรงเวลาค่ะ 10.50 น. ล้อหมุน เริ่มออกมานอกโตเกียว ดูวิวข้างทาง
เจอโรงงานยาคูลท์ด้วย ท้องฟ้าแจ่มใส อากาศเย็นๆ ชอบจังเลย ^^
ออกมาได้สักพักนึง เจอรถติดค่ะ ไม่รู้ติดอะไร โอ้ว! ญี่ปุ่นรถติด รอไปอีก
ชั้นจะตกรถไฟม๊ายยยยยย!!! บอกโฮสว่าจะไปถึงมัตสึโมโต้บ่าย 3 แล้วต่อรถไฟไป Hotaka
จะถึงที่ Hotaka ประมาณ บ่ายสามครึ่ง
นั่งยาวๆ รถก็มาจอดที่จุดพักรถค่ะ จุดพักรถที่ญี่ปุ่นคือดีงาม
ด้วยความที่ตื่นสาย เมื่อเช้าเลยไม่ได้ทานอะไรมา เลยหาอะไรรองท้องก่อน ได้ขนมปังมา 1 ชิ้น
นั่งมาเรื่อยๆ ก็มาถึงมัตสึโมโต้ ตามตารางต้องมาถึงเกือบบ่ายสาม และต้องทันรถไฟไป Hotaka รอบ 15.08 น. เป็นเพราะรถติด ทำให้มาถึงมัตสึโมโต้ช้า เราเลยตกรถไฟรอบนี้ ต้องรออีกรอบนึง คือ รอบ 16.00 น. อ้าวรอไปอีก ไม่ตกรถเมื่อเช้า ก็ตกรถไฟอ่ะ! #นี่หรือชีวิตของยูมิจัง - -
อากาศตอนบ่ายสามกว่า คือดี 20 องศา ลมแรงๆโอ๊ย! ฟิน
บรรยากาศหน้าสถานี JR MATSUMOTO
ใกล้สี่โมงแล้วเดินมาขึ้นรถไฟ ครั้งแรกกับรถไฟ JR แบบ Local ด้วย น้องนักเรียนเพิ่งเลิกเรียน ขึ้นรถไฟมาเต็มเลย รถไฟJR แบบLocal ไม่มีป้ายไฟวิ่งข่าาา คุณผู้ชม!! ต้องรอฟังประกาศอย่างเดียวว่าถึงสถานีไหนแล้ว ไม่งั้นเด๊ยวเลยป้าย เรามาถึง Hotaka เกือบ สีโมงครึ่ง ที่สถานีHotaka มีWi-fi ด้วย เราเลยขอเช็คเฟสแป๊บนึง ก่อนที่จะไม่ได้เล่นเน็ทอีก (ไปต่างประเทศเราไมได้ใช้ซิมเน็ท หรือเช่าพ็อคเก็ตWi-fiค่ะ) กำลังงมกับเฟส มีคนมาทัก "ซาหวัดดีคับ" เราเงยหน้าขึ้น !!
โฮสมารับข่าาาาาาาา !!!!!!!! ><
ร้านกาแฟของโฮสอยู่ตรงข้ามสถานีนี่เองค่ะ โฮสถามว่าไหนบอกว่าจะมาถึงบ่ายสามครึ่ง เราก็บอกไปว่ารถติดค่ะโฮส หนูเลยตกรถไฟ โฮสพาเดินมาที่ร้าน เดี๋่ยวจะให้เพื่อนโฮสขับรถไปส่งที่บ้าน เพื่อนโฮสผู้หญิง มาช่วยงานที่ร้าน ชื่อนาโอเอะ ตัวเล็ก ผมสั้น บ้านอยู่มัตสึโมโต้ เรานั่งรถมากับนาโอเอะ นาโอเอะก็ชวนคุย
"ยูมิจังพูดญี่ปุ่นได้มั้ย?"
"แหะๆ พูดไม่ได้ค่ะ" ><
ชวนคุยกันในรถ จนมาถึงบ้านโฮส เป็นบ้านสองชั้น ภรรยาโฮสออกมารับ ชื่อ คินุโยะซัง
คินุโยะซังพาไปส่งที่ห้องนอนด้านบน แล้วบอกว่าให้อาบน้ำให้เสร็จก่อน 1 ทุ่ม เย็นนี้จะมีปาร์ตี้กัน
เพื่อนๆของฮิโรชิซัง(โฮสเราค่ะ)จะมาทานข้าวที่บ้าน เนื่องจากพรุ่งนี้เป็นวันหยุดของร้าน
เอาล่ะค่ะ มาวันแรกก็มีมีทติ้งเลย
นี่คือห้องนอนของเราค่ะ ^^
อันนี้วิวจากหน้าต่าง เริ่มค่ำแล้ว
อาบน้ำเสร็จมาทานข้าว วันนี้เรานั่งทานข้าวกับคนญี่ปุ่น 8 คน !! เค้าคุยอะไรกัน เราไม่รู้เรื่องเลย
แต่ฟังภาษาญี่ปุ่นก็เพลินดีเหมือนกันนะ อาหารอร่อยด้วย มีหลายอย่างเลย ทานเสร็จไปช่วยนาโอเอะ ล้างจาน คินูโยะซังบอกว่าพรุ่งนี้ร้านปิด เป็นวันOFF ให้ยูมิจังไปเที่ยวได้
มาถึงวันแรก งานยังไม่ได้ทำ ก็ได้เที่ยวเลยค่ะคุณผู้ชม!
เราบอกว่าอยากไปเที่ยวปราสาทมัตสึโมโต้ คินูโยะหาแผนที่มาให้ นาโอเอะก็ช่วยแนะนำว่ามัตสึโมโต้มีที่เที่ยวตรงไหนบ้าง เช็ดจานเสร็จก็ขึ้นมาบนห้องมานอน
อากาศที่นี่หนาวมาก เหมือนนอนอยู่บนยอดดอยอินทนนท์เลยค่ะ บ้านโฮสอยู่ติดกับรางรถไฟ
ได้ยินเสียงรถไฟวิ่งผ่านเป็นระยะ
เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวมัตสึโมโต้ค่ะ ^^
โปรดติดตามตอนต่อไป >> WWOOF DAY 2 DAY OFF วิ่งเล่นที่ MATSUMOTO
>> http://arrowinjapan.blogspot.com/2016/04/wwoof-day-2-matsumoto.html
วันนี้ต้องตื่นไปขึ้นรถที่ชินจูกุ เพื่อเดินทางไปยังบ้านโฮสที่ Azumino , Nagano
แผนการเดินทางของเราคือ นั่งรถจากชินจูกุไปลงมัตสึโมโต้ (Matsumoto) ประมาณ 3 ชั่วโมงและต่อรถไฟจากสถานีมัตสึโมโต้ ไป HOTAKA อีกประมาณครึ่งชั่วโมง จริงๆเดินทางโดยรถไฟได้แต่แพง!! เลยนั่งรถแล้วต่อรถไฟ
เมื่อวานเนื่องจากฟ้ามาสางที่โตเกียว ไม่ได้นอนมาจากไทย!!! หลับไหลมาก! ตั้งปลุก 7โมง ไม่ยอมลุก แอบงีบต่อ ตื่นมาอีกที แปดโมงครึ่ง!!!!!! รถเราออก 10.50 น. ที่ชินจูกุ !!!!!!! กรี๊ดดดดดดด !!!!
ไปอาบน้ำเลย เก็บของ เช็คเอาท์ วิ่ง 4 คูณ 100 ไปรถไฟใต้ดิน ถึงสถานีชินจูกุ 10.40 น. !!!
อีก 10 นาที รถจะออก!!! แทบอุ้มกระเป๋าล้อลาก วิ่งขึ้นบันได
เอาตั๋วที่จองมาจากไทยมาแลกที่เคาท์เตอร์ ยื่นตั๋วปุ๊บ!
เจ้าหน้าที่บอก : ซามพันห่าโรยเยน (3,500 เยน)
เราก็เฮ้ย! พูดไทยได้ด้วยเหรอคะ? ยูแคนสปีคไทย??
เจ้าหน้าที่ : นิดโหน่ย คึนรถหนุ่งรึซอง หม่ายรุ (พูดได้นิดหน่อย ขึ้นรถชานชาลา 1 หรือ 2 อันนี้ไม่รู้)
เป็นความน่ารักของเจ้าหน้าที่คนญี่ปุ่นค่ะ นักท่องเที่ยวไทยมาเยอะ เค้าพูดภาษาไทยได้ด้วย^^
เอ้า!ได้ตั๋วแล้ว แอบหอบ อากาศเย็นๆ วิ่ง4คูณ100 มาขึ้นรถ - -"
เอาล่ะ! บ๊ายบายโตเกียว เดี๋ยวพี่จะกลับมา !!!
รถออกตรงเวลาค่ะ 10.50 น. ล้อหมุน เริ่มออกมานอกโตเกียว ดูวิวข้างทาง
เจอโรงงานยาคูลท์ด้วย ท้องฟ้าแจ่มใส อากาศเย็นๆ ชอบจังเลย ^^
ออกมาได้สักพักนึง เจอรถติดค่ะ ไม่รู้ติดอะไร โอ้ว! ญี่ปุ่นรถติด รอไปอีก
ชั้นจะตกรถไฟม๊ายยยยยย!!! บอกโฮสว่าจะไปถึงมัตสึโมโต้บ่าย 3 แล้วต่อรถไฟไป Hotaka
จะถึงที่ Hotaka ประมาณ บ่ายสามครึ่ง
นั่งยาวๆ รถก็มาจอดที่จุดพักรถค่ะ จุดพักรถที่ญี่ปุ่นคือดีงาม
ด้วยความที่ตื่นสาย เมื่อเช้าเลยไม่ได้ทานอะไรมา เลยหาอะไรรองท้องก่อน ได้ขนมปังมา 1 ชิ้น
นั่งมาเรื่อยๆ ก็มาถึงมัตสึโมโต้ ตามตารางต้องมาถึงเกือบบ่ายสาม และต้องทันรถไฟไป Hotaka รอบ 15.08 น. เป็นเพราะรถติด ทำให้มาถึงมัตสึโมโต้ช้า เราเลยตกรถไฟรอบนี้ ต้องรออีกรอบนึง คือ รอบ 16.00 น. อ้าวรอไปอีก ไม่ตกรถเมื่อเช้า ก็ตกรถไฟอ่ะ! #นี่หรือชีวิตของยูมิจัง - -
อากาศตอนบ่ายสามกว่า คือดี 20 องศา ลมแรงๆโอ๊ย! ฟิน
บรรยากาศหน้าสถานี JR MATSUMOTO
ใกล้สี่โมงแล้วเดินมาขึ้นรถไฟ ครั้งแรกกับรถไฟ JR แบบ Local ด้วย น้องนักเรียนเพิ่งเลิกเรียน ขึ้นรถไฟมาเต็มเลย รถไฟJR แบบLocal ไม่มีป้ายไฟวิ่งข่าาา คุณผู้ชม!! ต้องรอฟังประกาศอย่างเดียวว่าถึงสถานีไหนแล้ว ไม่งั้นเด๊ยวเลยป้าย เรามาถึง Hotaka เกือบ สีโมงครึ่ง ที่สถานีHotaka มีWi-fi ด้วย เราเลยขอเช็คเฟสแป๊บนึง ก่อนที่จะไม่ได้เล่นเน็ทอีก (ไปต่างประเทศเราไมได้ใช้ซิมเน็ท หรือเช่าพ็อคเก็ตWi-fiค่ะ) กำลังงมกับเฟส มีคนมาทัก "ซาหวัดดีคับ" เราเงยหน้าขึ้น !!
โฮสมารับข่าาาาาาาา !!!!!!!! ><
ร้านกาแฟของโฮสอยู่ตรงข้ามสถานีนี่เองค่ะ โฮสถามว่าไหนบอกว่าจะมาถึงบ่ายสามครึ่ง เราก็บอกไปว่ารถติดค่ะโฮส หนูเลยตกรถไฟ โฮสพาเดินมาที่ร้าน เดี๋่ยวจะให้เพื่อนโฮสขับรถไปส่งที่บ้าน เพื่อนโฮสผู้หญิง มาช่วยงานที่ร้าน ชื่อนาโอเอะ ตัวเล็ก ผมสั้น บ้านอยู่มัตสึโมโต้ เรานั่งรถมากับนาโอเอะ นาโอเอะก็ชวนคุย
"ยูมิจังพูดญี่ปุ่นได้มั้ย?"
"แหะๆ พูดไม่ได้ค่ะ" ><
ชวนคุยกันในรถ จนมาถึงบ้านโฮส เป็นบ้านสองชั้น ภรรยาโฮสออกมารับ ชื่อ คินุโยะซัง
คินุโยะซังพาไปส่งที่ห้องนอนด้านบน แล้วบอกว่าให้อาบน้ำให้เสร็จก่อน 1 ทุ่ม เย็นนี้จะมีปาร์ตี้กัน
เพื่อนๆของฮิโรชิซัง(โฮสเราค่ะ)จะมาทานข้าวที่บ้าน เนื่องจากพรุ่งนี้เป็นวันหยุดของร้าน
เอาล่ะค่ะ มาวันแรกก็มีมีทติ้งเลย
นี่คือห้องนอนของเราค่ะ ^^
อันนี้วิวจากหน้าต่าง เริ่มค่ำแล้ว
อาบน้ำเสร็จมาทานข้าว วันนี้เรานั่งทานข้าวกับคนญี่ปุ่น 8 คน !! เค้าคุยอะไรกัน เราไม่รู้เรื่องเลย
แต่ฟังภาษาญี่ปุ่นก็เพลินดีเหมือนกันนะ อาหารอร่อยด้วย มีหลายอย่างเลย ทานเสร็จไปช่วยนาโอเอะ ล้างจาน คินูโยะซังบอกว่าพรุ่งนี้ร้านปิด เป็นวันOFF ให้ยูมิจังไปเที่ยวได้
มาถึงวันแรก งานยังไม่ได้ทำ ก็ได้เที่ยวเลยค่ะคุณผู้ชม!
เราบอกว่าอยากไปเที่ยวปราสาทมัตสึโมโต้ คินูโยะหาแผนที่มาให้ นาโอเอะก็ช่วยแนะนำว่ามัตสึโมโต้มีที่เที่ยวตรงไหนบ้าง เช็ดจานเสร็จก็ขึ้นมาบนห้องมานอน
อากาศที่นี่หนาวมาก เหมือนนอนอยู่บนยอดดอยอินทนนท์เลยค่ะ บ้านโฮสอยู่ติดกับรางรถไฟ
ได้ยินเสียงรถไฟวิ่งผ่านเป็นระยะ
เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวมัตสึโมโต้ค่ะ ^^
โปรดติดตามตอนต่อไป >> WWOOF DAY 2 DAY OFF วิ่งเล่นที่ MATSUMOTO
>> http://arrowinjapan.blogspot.com/2016/04/wwoof-day-2-matsumoto.html
โตเกียวอะเกน : กว่าจะถึงโตเกียว
เก็บของออกจากบ้านมา ก่อนบินเราค้างที่โฮสเทลก่อนไปสนามบินค่ะ
เจอรูมเมทเป็นสาวญี่ปุ่นชื่อ "เอริ" เอริกำลังจะบินไปหาเพื่อนที่สวีเดน แต่มาแวะเที่ยวกรุงเทพก่อน
เราขอให้เอริตั้งชื่อภาษาญี่ปุ่นให้ ไปอยู่ที่นู่น โฮสจะได้เรียกง่ายๆ เอริตั้งชื่อให้เราว่า"ยูมิ"ค่ะ
ได้ชื่อที่จะไปใช้ที่นู่นแล้ว เย็นวันนั้นเรานั่งแอร์พอร์ตลิ้งค์มาที่สุวรรณภูมิ เครื่องเราออกประมาณ 4 ทุ่ม รีบเช็คอิน รีบไปเดินกรีดกรายในเกทดีกว่า รอบนี้ถือเป็นการเดินทางที่ยาวนานที่สุดครั้งแรกในชีวิตเลย
พร้อมผจญภัยในต่างแดนกับ"ยูมิจัง"รึยังคะ?
ถ้าพร้อมแล้ว ..........GO !!!!!!!!!!
Take off Bye Bye Thailand ไม่หลับไม่นอน ทานอาหาร นั่งดูหนัง Fast 7 Sound Track ซับญี่ปุ่น
ดูไม่ค่อยรู้เรื่อง ฮ่าๆ เกือบไม่ได้ดูเพราะหารีโมทไม่เจอ (อยู่ตรงที่วางแขน แฮ่ๆ ปกติไม่ค่อยได้นั่งFull service เท่าไหร่ค่ะ 5555 ) ว่าจะหลับแต่นอนไม่หลับ นั่งไปนั่งมาคุณแอร์เปิดไฟ บอกว่าเครื่องจะลงที่โตเกียวแล้ว เอ๊า! ยังไม่ได้นอนเลย เราเลือกนั่งฝั่งซ้ายเพื่อที่จะได้เห็นฟูจิ ก็เห็นไกลๆนะคะ แต่หิมะยังไม่ตก
มองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นยอดฟูจินิดๆ
ในที่สุดก็มาถึงโตเกียวจนได้ รอบนี้ลงที่สนามบินฮาเนดะค่ะ
มาถึงเกือบหกโมงเช้า สรุปว่า ฟ้าสางที่โตเกียวค่ะคุณผู้ชม!!
เดินลงจากเครื่องผ่านตม. มาแบบชิลๆ ไม่ถงไม่ถามสุขภาพซักคำ แต่พอมารอรับกระเป๋าแล้วต้องผ่านด่านศุลกากร เราโดนเจ้าหน้าที่ขอค้นกระเป๋าด้วยค่ะ >< แต่ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ ผ่านมาด้วยดี
สเต็ปต่อไป เราจะนั่งรถไฟจากฮาเนดะไปอะซาคุสะค่ะ ต้องนั่งรถไฟเคคิว แค่กดตั๋วก็จะไม่รอดแล้ว
ยังดีที่คุณลุงคนญี่ปุ่นที่ยืนอยู่ข้างหลังเรา คุณลุงพูดภาษาอังกฤษได้ มาช่วยกดตั๋วให้ค่ะ ใจดีมากๆ
อะลิกาโตะโกไซมัสคุณลุงค่าาา ^^
ได้ตั๋วมาแล้วลงไปด้านล่างกันค่ะ ยืนอยู่ประมาณเกือบ 20 นาที รถไฟผ่านไปประมาณเกือบ 10 ขบวน
ไม่ยอมขึ้นสักที รถไฟตรงนี้ไปได้หลายทางค่ะ บางขบวนก็ถึงบางขบวนก็ไม่ถึงอะซาคุสะ ยืนง่วงๆ งงๆ อยู่นาน จนเจอฝรั่งมายืนรอรถไฟ เลยถามเค้าดู (ฮีมาจากเบลเยียมค่ะ) เค้าบอกว่าขึ้นขบวนเดียวกับเค้าก็ได้ค่ะ ดูจากจอด้านบนน่าจะผ่านอะซาคุสะ เราก็เออ ออขึ้นรถไฟตามเค้าไป หลังจากจดๆจ้องๆอยู่นาน
นั่งยาวๆ ใช้เวลาประมาณเกือบชั่วโมงก็มาถึงอะซาคุสะค่ะ
เช็คอินเข้าห้องได้ตอนบ่ายโมง แต่เราเพิ่งไปถึงตอนแปดโมง เลยฝากระเป๋าไว้ บ่ายค่อยกลับมาใหม่
เราเลยจะไปลองทานราเมงข้อสอบดูค่ะ มีหลายสาขาเลยในโตเกียว วันนี้เราเลือกไปทานที่สาขา Shimbashi ค่ะ นั่งรถไฟมาที่สถานี Shimbashi ค่ะ
โตเกียวเดือนตุลา อากาศกำลังเย็นสบายเลยค่ะ 21 องศา ^^
"ราเมงข้อสอบ" (Ichiran Ramen) ที่ร้านจะให้กระดาษมามีช้อยส์ให้เลือกว่าชอบเส้นแบบไหน น้ำซุปแบบไหน ใส่พริกเผ็ดมากมั้ย เราก็วงๆไปมั่วๆ ภาษาอังกฤษก็ไม่ได้แข็งแรงมากนะคะ ฮ่าๆ ก๊อกน้ำด้านข้างซ้ายมือกดน้ำทานได้ เรางัดอยู่นาน ก๊อกน้ำที่ร้านเค้าเกือบพัง กดไม่ออก กดไม่เป็น ฮ่าๆ แต่วุดท้ายก็กดได้นะคะ
นี่คือหน้าตาราเมงของเรา ผักไม่ใส่ พริกใส่นิดเดียว นี่มันราเมงเด็กชัดๆ ><
ทานราเมงเสร็จ เราก็กลับไปที่อะซาคุสะค่ะ ตอนกลางวันคนเยอะเหมือนเดิม เดินเต็มถนนนากามิเสะเลยล่ะค่ะ เราก็ไม่พลาดจัดซาลาเปาทอดในตำนานมาทาน
นั่งเล่นแถววัดเซ็นโซจิ จนเกือบบ่ายโมงก็กลับเข้าที่พัก เช็คอิน เข้าห้อง นอนยาวๆเลยค่ะ
เมื่อคืนไม่ได้นอน ตื่นมาอีกทีก็หกโมงเย็นแล้ว ข้างนอกมืดแล้วค่ะ หาอะไรทาน
แล้วไปวิ่งเล่นริมแม่น้ำสุมิดะ เห็นตึกTokyo skytree แล้วก็ตึกฟองเบียร์ฮาซาฮีด้วยค่ะ เราเดินเล่นข้ามสะพานมาเรื่อย หนาวมากๆค่ะ ลมเแรง แต่ก็ยังเดินมาเรื่อย จนทะลุมาถึงตรงนี้
Tokyo Skytree
ดูท่าทางจะไกลอยุ่จากตรงนี้ไปโตเกียวสกายทรี เราเลยตัดสินใจเดินกลับค่ะ หนาวด้วย เพลียด้วย
ไปอาบน้ำนอนดีกว่า เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นไปขึ้นรถที่ชินจูกุ เพื่อไปบ้านโฮส
หน้าวัดเซ็นโซจิ ยามค่ำคืน คนน้อยค่ะ ผิดกับตอนกลางวันลิบลับเลย
เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะเริ่ม WWOOF แล้วนะ ^^
โปรดติดตามตอนต่อไป >> โตเกียวอะเกน : WWOOF DAY 1 กว่าจะถึง Azumino >> http://arrowinjapan.blogspot.com/2016/04/wwoof-day-1-azumino.html
เจอรูมเมทเป็นสาวญี่ปุ่นชื่อ "เอริ" เอริกำลังจะบินไปหาเพื่อนที่สวีเดน แต่มาแวะเที่ยวกรุงเทพก่อน
เราขอให้เอริตั้งชื่อภาษาญี่ปุ่นให้ ไปอยู่ที่นู่น โฮสจะได้เรียกง่ายๆ เอริตั้งชื่อให้เราว่า"ยูมิ"ค่ะ
ได้ชื่อที่จะไปใช้ที่นู่นแล้ว เย็นวันนั้นเรานั่งแอร์พอร์ตลิ้งค์มาที่สุวรรณภูมิ เครื่องเราออกประมาณ 4 ทุ่ม รีบเช็คอิน รีบไปเดินกรีดกรายในเกทดีกว่า รอบนี้ถือเป็นการเดินทางที่ยาวนานที่สุดครั้งแรกในชีวิตเลย
พร้อมผจญภัยในต่างแดนกับ"ยูมิจัง"รึยังคะ?
ถ้าพร้อมแล้ว ..........GO !!!!!!!!!!
Take off Bye Bye Thailand ไม่หลับไม่นอน ทานอาหาร นั่งดูหนัง Fast 7 Sound Track ซับญี่ปุ่น
ดูไม่ค่อยรู้เรื่อง ฮ่าๆ เกือบไม่ได้ดูเพราะหารีโมทไม่เจอ (อยู่ตรงที่วางแขน แฮ่ๆ ปกติไม่ค่อยได้นั่งFull service เท่าไหร่ค่ะ 5555 ) ว่าจะหลับแต่นอนไม่หลับ นั่งไปนั่งมาคุณแอร์เปิดไฟ บอกว่าเครื่องจะลงที่โตเกียวแล้ว เอ๊า! ยังไม่ได้นอนเลย เราเลือกนั่งฝั่งซ้ายเพื่อที่จะได้เห็นฟูจิ ก็เห็นไกลๆนะคะ แต่หิมะยังไม่ตก
มองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นยอดฟูจินิดๆ
ในที่สุดก็มาถึงโตเกียวจนได้ รอบนี้ลงที่สนามบินฮาเนดะค่ะ
มาถึงเกือบหกโมงเช้า สรุปว่า ฟ้าสางที่โตเกียวค่ะคุณผู้ชม!!
เดินลงจากเครื่องผ่านตม. มาแบบชิลๆ ไม่ถงไม่ถามสุขภาพซักคำ แต่พอมารอรับกระเป๋าแล้วต้องผ่านด่านศุลกากร เราโดนเจ้าหน้าที่ขอค้นกระเป๋าด้วยค่ะ >< แต่ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ ผ่านมาด้วยดี
สเต็ปต่อไป เราจะนั่งรถไฟจากฮาเนดะไปอะซาคุสะค่ะ ต้องนั่งรถไฟเคคิว แค่กดตั๋วก็จะไม่รอดแล้ว
ยังดีที่คุณลุงคนญี่ปุ่นที่ยืนอยู่ข้างหลังเรา คุณลุงพูดภาษาอังกฤษได้ มาช่วยกดตั๋วให้ค่ะ ใจดีมากๆ
อะลิกาโตะโกไซมัสคุณลุงค่าาา ^^
ได้ตั๋วมาแล้วลงไปด้านล่างกันค่ะ ยืนอยู่ประมาณเกือบ 20 นาที รถไฟผ่านไปประมาณเกือบ 10 ขบวน
ไม่ยอมขึ้นสักที รถไฟตรงนี้ไปได้หลายทางค่ะ บางขบวนก็ถึงบางขบวนก็ไม่ถึงอะซาคุสะ ยืนง่วงๆ งงๆ อยู่นาน จนเจอฝรั่งมายืนรอรถไฟ เลยถามเค้าดู (ฮีมาจากเบลเยียมค่ะ) เค้าบอกว่าขึ้นขบวนเดียวกับเค้าก็ได้ค่ะ ดูจากจอด้านบนน่าจะผ่านอะซาคุสะ เราก็เออ ออขึ้นรถไฟตามเค้าไป หลังจากจดๆจ้องๆอยู่นาน
นั่งยาวๆ ใช้เวลาประมาณเกือบชั่วโมงก็มาถึงอะซาคุสะค่ะ
เช็คอินเข้าห้องได้ตอนบ่ายโมง แต่เราเพิ่งไปถึงตอนแปดโมง เลยฝากระเป๋าไว้ บ่ายค่อยกลับมาใหม่
เราเลยจะไปลองทานราเมงข้อสอบดูค่ะ มีหลายสาขาเลยในโตเกียว วันนี้เราเลือกไปทานที่สาขา Shimbashi ค่ะ นั่งรถไฟมาที่สถานี Shimbashi ค่ะ
โตเกียวเดือนตุลา อากาศกำลังเย็นสบายเลยค่ะ 21 องศา ^^
"ราเมงข้อสอบ" (Ichiran Ramen) ที่ร้านจะให้กระดาษมามีช้อยส์ให้เลือกว่าชอบเส้นแบบไหน น้ำซุปแบบไหน ใส่พริกเผ็ดมากมั้ย เราก็วงๆไปมั่วๆ ภาษาอังกฤษก็ไม่ได้แข็งแรงมากนะคะ ฮ่าๆ ก๊อกน้ำด้านข้างซ้ายมือกดน้ำทานได้ เรางัดอยู่นาน ก๊อกน้ำที่ร้านเค้าเกือบพัง กดไม่ออก กดไม่เป็น ฮ่าๆ แต่วุดท้ายก็กดได้นะคะ
นี่คือหน้าตาราเมงของเรา ผักไม่ใส่ พริกใส่นิดเดียว นี่มันราเมงเด็กชัดๆ ><
ทานราเมงเสร็จ เราก็กลับไปที่อะซาคุสะค่ะ ตอนกลางวันคนเยอะเหมือนเดิม เดินเต็มถนนนากามิเสะเลยล่ะค่ะ เราก็ไม่พลาดจัดซาลาเปาทอดในตำนานมาทาน
นั่งเล่นแถววัดเซ็นโซจิ จนเกือบบ่ายโมงก็กลับเข้าที่พัก เช็คอิน เข้าห้อง นอนยาวๆเลยค่ะ
เมื่อคืนไม่ได้นอน ตื่นมาอีกทีก็หกโมงเย็นแล้ว ข้างนอกมืดแล้วค่ะ หาอะไรทาน
แล้วไปวิ่งเล่นริมแม่น้ำสุมิดะ เห็นตึกTokyo skytree แล้วก็ตึกฟองเบียร์ฮาซาฮีด้วยค่ะ เราเดินเล่นข้ามสะพานมาเรื่อย หนาวมากๆค่ะ ลมเแรง แต่ก็ยังเดินมาเรื่อย จนทะลุมาถึงตรงนี้
Tokyo Skytree
ดูท่าทางจะไกลอยุ่จากตรงนี้ไปโตเกียวสกายทรี เราเลยตัดสินใจเดินกลับค่ะ หนาวด้วย เพลียด้วย
ไปอาบน้ำนอนดีกว่า เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นไปขึ้นรถที่ชินจูกุ เพื่อไปบ้านโฮส
หน้าวัดเซ็นโซจิ ยามค่ำคืน คนน้อยค่ะ ผิดกับตอนกลางวันลิบลับเลย
เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะเริ่ม WWOOF แล้วนะ ^^
โปรดติดตามตอนต่อไป >> โตเกียวอะเกน : WWOOF DAY 1 กว่าจะถึง Azumino >> http://arrowinjapan.blogspot.com/2016/04/wwoof-day-1-azumino.html
โตเกียวอะเกน : มือใหม่หัด WWOOF
หลังจากกลับจากโตเกียวรอบนั้น
ทำให้ฉันมองไม่เห็นตัวเอง...ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองๆเดิมอีกต่อไป
ไป 4 วัน 3 คืน ยังไม่หนำใจ
WWOOF
คืออะไร? WWOOF ย่อมาจาก Willing Workers On Organic Farms เป็นโครงการที่เปิดให้ผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ได้ทำงาน ใช้ชีวิต เรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่นกับโฮส งานไม่ได้จำกัดเฉพาะแค่งานฟาร์ม ทำสวน เก็บผลไม้ แต่ยังมีงานในส่วนของร้านอาหาร โรงเรียนสอนภาษา หรือโรงแรม ที่พัก โดยที่ Wwoofer จะได้อาหารและที่พักเป็นการตอบแทน โดย 1 วันจะทำงานประมาณ 6 ชั่วโมง และถ้าอยู่เกิน 1 อาทิตย์ จะมีวันหยุดให้ 1 วัน
เอาแบบเข้าใจง่ายๆคือเป็นอาสาสมัครช่วยงาน Host แล้วเราจะได้อาหารและที่พักเป็นการตอบแทน WWOOF มีหลายประเทศเลย แต่ที่ฮิตๆก็ญี่ปุ่น/นิวซีแลนด์ ส่วนตัวอยากไปนิวซีแลนด์เพราะจะได้พูดภาษาอังกฤษเยอะๆ แต่ด้วยเงินและเรื่องวีซ่า เลยเบนเข็มมาที่ญี่ปุ่นแทน
เอาแบบเข้าใจง่ายๆคือเป็นอาสาสมัครช่วยงาน Host แล้วเราจะได้อาหารและที่พักเป็นการตอบแทน WWOOF มีหลายประเทศเลย แต่ที่ฮิตๆก็ญี่ปุ่น/นิวซีแลนด์ ส่วนตัวอยากไปนิวซีแลนด์เพราะจะได้พูดภาษาอังกฤษเยอะๆ แต่ด้วยเงินและเรื่องวีซ่า เลยเบนเข็มมาที่ญี่ปุ่นแทน
ไปหลายวันแบบนี้จะลางานได้เหรอ?
ได้ค่ะ! เราตัดสินใจลาออกจากงานเลย
เพื่อที่จะไปWWOOF
!! #ตอนเรียนทุ่มเทขนาดนี้มั้ย
5555555
ด้วยความอิ่มตัวจากงานประจำ
และอยากไปลองหาประสบการณ์ใหม่ๆให้ชีวิต ตัดสินใจไม่ยากเลย
เอาล่ะค่ะ! เราตัดสินจะไป WWOOOF แล้ว ก็ทำการสัมครสมาชิกก่อนค่ะ ค่าสมัครปีละ 5500 เยนค่ะ สมัครเสร็จแล้วเราถึงจะสามารถส่งข้อความหาHostได้ ว่าเราสนใจอยากไปทำงาน/ใช้ชีวิตที่นั่น
เว็บไซต์และรายละเอียดต่างๆเพิ่มเติม
>> http://www.wwoofjapan.com/main/index.php?lang=en
ส่วนตัวอยากไปตอนช่วงอากาศหนาวๆ
ใจจริงอยากไปฮอกไกโด แต่ไกลและตั๋วแพง ถ้าหน้าหนาวจะหนาวเกินไป กลัวทำงานไม่ไหว
แค่ไปเล่นหิมะที่คาวากุชิโกะ 2 องศา
น้ำมูกก็ย้อยจะแย่อยู่แล้ว เลยเบนมาทางแถบคิวชู ตั๋วไปฟุกุโอกะราคาไม่แรงมาก
เลยลองหาโฮสดู เป็นงานช่วยสอนภาษาอังกฤษเด็กติดต่อไปแล้วปรากฏว่าช่วงที่เราจะไปนั้นเต็ม
เลยลองหาแถวโอซาก้าก็เต็มอีก
WWOOF ไม่ได้มีแค่งานทำสวนนะคะ
มีทั้งโรงเรียนสอนภาษา พวกเกสเฮาต์ต่างๆก็มี เลือกได้ตามใจชอบเลย
ส่วนตัวเราชอบคุยกับคนเยอะๆ ชอบเจ๊าะแจ๊ะ ถ้าเลือกโฮสที่ทำสวนคงไม่ได้คุยเท่าไหร่
โฮสที่โอซาก้าก็เต็มอีกเช่นกันค่ะ ใจเลย วกกลับมาโตเกียว เดี๋ยวบินลงที่โตเกียวตั้งหลักกันก่อน
โตเกียว..อะเกน
เพิ่งไปเดือนกุมภา
นี่จะไปอีกแล้วเหรอ!!!@#@$$%&T*
หาโฮสไม่ได้
เลยลองดูเมืองที่อยู่ไม่ไกลโตเกียวมาก มีคนเรคคอมเมนด์แถวนากาโน่ (Nagano) มีโฮสให้เลือกเยอะ เดินทางง่าย
ไม่ไกลจากโตเกียวมาก จนเรามาเจอร้านกาแฟที่เมืองAzumino เลยติดต่อโฮสดู ปรากฏว่าโฮสรับเราค่ะ !! เย่ !! กว่าจะได้โฮส
ต้องลองลิสต์รายชื่อแล้วส่งข้อความดูนะคะ
แต่อย่าหว่านมาก เพราะถ้าโฮสหลายๆบ้านรับเรา แล้วเราปฏิเสธทีหลังจะเสียมารยาทค่ะ
ได้โฮสแล้วก็จัดการจองตั๋วเครื่องบิน แพ็คกระเป๋าเตรียมไปWWOOF กันเล้ย!
วิธีเลือกโฮส
-เลือกเมืองที่จะไป
อยากไปแถวไหน ไปดูอะไร บางคนชอบติดทะเล บางคนชอบภูเขา บางคนชอบหิมะ
บางคนชอบในเมืองๆหน่อย
มีซุปเปอร์มาเก็ต เป็นต้น ส่วนตัวเราขอธรรมชาติ
อากาศเย็นๆ แต่ไม่ถึงขึ้นหิมะตกค่ะ เดี๋ยวจะหนาวเกินไป ทำงานไม่ไหว ติดต่อโฮสไปทั้งโอซาก้าและฟุกุโอกะปรากฏว่าเต็ม
เลยตัดสินลงบินลงโตเกียวอีกรอบ เลยได้โฮสที่นากาโน่ค่ะ
-ลักษณะงาน
WWOOFไม่ได้มีแค่งานฟาร์ม
ดังนั้นก็เลือกที่เราชอบเราสนใจ ส่วนตัวเราชอบเจ๊าะแจ๊ะ อยากคุยกับคน
ก็เลยอยากไปทำที่ร้านกาแฟ ออกตัวก่อนว่าพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้นะคะ แต่ดูรายละเอียดแล้วโฮสบอกว่าไม่จำเป็นต้องพูดญี่ปุ่นได้
-ช่วงที่เดินทาง
ต้องดูด้วยว่าวันที่เราจะไปโฮสเปิดรับวูฟเฟอร์มั้ย
เช่น เดือนธันวาจะมีหิมะตกหนักมาก ร้านจะไปปิดไปเลย จึงไม่มีงานให้ทำ
เลยปิดรับวูฟเฟอร์เดือนนี้ไปเลย ดังนั้นต้องดูดีๆนะคะ
คอมเมนท์ของวูฟเฟอร์ก็เป็นตัวช่วยอีกอย่างหนึ่งค่ะ
ในการเลือกโฮส ถ้าคอมเมนท์เป็นบวกมากๆ
ก็ช่วยให้เราอุ่นใจขึ้นเยอะเลยค่ะ
รายละเอียดอื่นๆ
บางที่รีเควสเลยว่าต้องพูดญี่ปุ่นได้/ บางที่อาจจะต้องทำอาหารทานเอง /บางที่ต้องทำงานเกิน 6 ชั่วโมงต่อวัน เป็นต้น ลองอ่านรายละเอียดดีๆนะคะ
ว่าตรงตามที่เราต้องการมั้ย รับเงื่อนไขของโฮสได้มั้ย
เตรียมของ
-เสื้อผ้า
ไม่ต้องเอาไปเยอะค่ะ ค่อยซักใส่ทีหลัง
-ของใช้ส่วนตัว
พวกแชมพู /สบู่/แป้ง
-ของที่โฮสบอกให้เตรียมมา
เช่น ถุงมือ รองเท้าบู๊ท สำหรับเรา โฮสให้เตรียมผ้ากันเปื้อนไปเองด้วย
-ของฝากโฮส
อันนี้เล็กๆน้อยๆค่ะ ไปอยู่บ้านเค้าตั้งหลายวันซื้อของไปฝากโฮสหน่อยก็ดีนะ : )
- เงิน
อันนี้สำคัญค่ะ บวกลบคูณหารให้ดี ค่ารถ ค่าเดินทางจากสนามบินไปบ้านโฮส /ค่าที่พัก ค่าอาหารที่นอกเหนือจากการไป WWOOF เสร็จแล้ว
กายพร้อม
ใจพร้อม ตั๋วพร้อม เราทำได้ เย่! ออกเดินทางกันเล้ย !!!
โปรดติดตามตอนต่อไป
>>
โตเกียวอะเกน : กว่าจะถึงโตเกียว
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)