EP.2.2 โตเกียวหนาวมาก
โดดขึ้นรถไฟจากสนามบิน นั่งยาวๆฮะ
มาถึงAsakusa 12.22 น. เป๊ะ !!!
ตรงเวลามากๆ ตรงนี้จะเชื่อมกับรถไฟฟ้าใต้ดินสายToei ในแผนที่ของโฮสเทล บอกว่าให้ออก Exit
A4 เราก็ตามป้ายไป รถไฟฟ้าใต้ดินที่โตเกียว ไม่ค่อยมีบันไดเลื่อนนะ (แต่ถ้าเป็นที่สิงคโปร์หรือฮ่องกง
จะมีบันไดเลื่อนให้เลยตอนที่เราเดินออกมาจากรถไฟ ก็คนละประเทศอ่ะเนอะ
แล้วแต่คนออกแบบ เราก็ต้องปรับตัวตามนั้น )
เดินฮะ เดินเน้นๆ
ใครใช้กระเป๋าลากก็ลำบากตอนยกนี่แหละ แต่เราแบกเป้มาเดินตัวปลิว ชิวๆ
โผล่ขึ้นมาจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ไอเย็นอุณหภูมิ9องศามาปะทะกับหน้าราวกับว่าทักทายเรา
Welcome to Tokyo!!
ที่พักของเราอยู่แถววัดSensoji หรือ วัดAsakusa คนไทยเรียกวัดโคมแดง
เพราะหน้าวัดมีโคมยักษ์สีแดงแขวนอยู่ตรงประตู ใครมาที่นี่ต้องมาสร้างแลนด์มาร์ค
คือมาถ่ายรูปกับโคมแดงยักษ์ วัดSensoji เปรียบเหมือนวัดพระแก้ว
ประมาณว่า เป็นวัดดังที่ชาวต่างชาติจะมาเที่ยว สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ เวลาเกือบบ่ายโมง ไม่ร้อนเลย
มีแดดอ่อนๆ กับลมพัดหนาวๆ เราเดินมาถึงหน้าทางเข้าวัด ที่เป็นโคมแดง คนเยอะมาก
นักท่องเที่ยวเยอะมาก และเป้หนักมาก เริ่มเมื่อยละ รูปยังไม่ถ่าย ไปCheck-in
เอาของไปเก็บก่อน เหลือเวลาแค่ครึ่งวันบ่ายเท่านั้น
หน้าหนาวที่ญี่ปุ่นจะมืดเร็ว ประมาณ5โมงเย็นก็แสงหมดแล้ว
เราต้องทำเวลา เรารีบเดินจ้วงฝ่าฝูงชน เดินตามแผนที่ที่ปริ้นท์มาในมือ
ที่พักหาไม่ยาก หลงนิดหน่อย เดินเข้าผิดซอย แต่ก็งมจนเจอ (นี่นะหาไม่ยาก
ฮ่าๆ) เราพักที่ Sakura Hostel เลือกที่นี่เพราะ
จ่ายสดตอนเช็คอินได้ และ มีห้องFemale dorm(รวมหญิง) อยากลองนอนแบบ mixed dorm (รวมชายหญิง)
อยู่นะ แต่ใจยังไม่ด้านพอ ฮ่าๆ
เรามาถึงหน้าประตูทางเข้าโฮสเทล เป็นประตูกระจก เรายืนสตั๊นท์อยู่ประมาณ10วินาที เราคิดว่าstaff จะเปิดให้จากด้านใน เราก็ยืนรอ แต่เรามองเข้าไปเหมือนเค้าไม่เห็นเรา เค้ากำลังคุยโทรศัพท์ด้วยซ้ำ
เรามาถึงหน้าประตูทางเข้าโฮสเทล เป็นประตูกระจก เรายืนสตั๊นท์อยู่ประมาณ10วินาที เราคิดว่าstaff จะเปิดให้จากด้านใน เราก็ยืนรอ แต่เรามองเข้าไปเหมือนเค้าไม่เห็นเรา เค้ากำลังคุยโทรศัพท์ด้วยซ้ำ
เมื่อไหร่จะเปิด?
ประตูยังไม่เปิด เลยมองตรงประตู
มีคำว่า push แต่ประตูไม่มีราวจับนะ เป็นประตูกระจกเรียบๆ
เอาวะ.. push ก็ push เลยเอามือแตะๆดู
ประตูเลื่อนเปิดจ้า!
อ่อ ต้องเอามือแตะๆ
ประตูจะเลื่อนเปิดเอง ไอ้เราก็รอให้เค้าเปิดให้ ฮ่าๆ เราเดินเข้ามา เจอแขกคนนึง แขกจริงๆ
เหมือนคนอินเดีย ยิ้มให้เรา แล้วเหมือนว่าเค้ากำลังจะเปิดประตูให้เรา
แต่เราเปิดเข้ามาเองแล้ว เราคิดว่าเค้าเป็นstaff ของโฮสเทล แต่Staffที่อยู่ตรงเค้าท์เตอร์ก็ยังคุยโทรศัพท์ไม่เสร็จ
เราเลยรอ ถือพาสปอร์ต รอจะเช็คอิน แขกเค้าก็มาคุยกับเรา
ดึงพาสปอร์ตในมือเราไปดูหน้าปก เค้าเห็นเป็นไทยแลนด์ เค้าบอก Nice to meet you ขอเชคแฮนด์เราเฉยเลย เค้ายื่นมา
เราก็เออออ ตามมารยาท จับมือกับเค้าไปแบบงงๆ เค้าก็เลยบอกว่า เค้าเคยไปเมืองไทยนะ
เราก็อ๋อๆถามว่า ยูไปไหนมาบ้างล่ะ เค้าบอกว่าเคยไปข้าวสาร หลังจากงงๆกับพี่แขก Staffที่เคาท์เตอร์ คุยโทรศัพท์เสร็จ
เราเลยไปเช็คอิน Staff เป็นคนญี่ปุ่น
พูดภาษาอังกฤษได้ เราจ่ายตังค์ รับคีย์การ์ด
เราก็เดินหอบผ้าปูเตียงกะปลอกหมอนจะขึ้นลิฟท์
พี่แขกยังรอเรา หน้าลิฟท์
พี่แขกถามว่าเราชื่อไร เรายิ้มไม่ได้ตอบ
พี่แขกเลยแนะนำตัวว่า ชื่อ “มู-ทู”
ลิฟท์เปิด
มีเรากับมูทูเข้าไปในลิฟท์ (นี่ยังตามอยู่อีกเรอะ
เริ่มไม่ปลอดภัยละ - -‘) ประตูลิฟท์ปิด
มีเรากับมูทูอยู่ในลิฟท์สองคน มูทูกดชั้น5 ถามเราว่าเราไปชั้นไหน
เราบอก ชั้น6 มูทูกดลิฟท์ให้ เราถามว่ายูมาจากไหน มูทูบอกสิงคโปร์ เราก็เฮ้ย!
ไอเคยไปสิงคโปร์ ไป2ครั้งแล้ว
ชอบสิงคโปร์มากๆเลย เหมือนเค้าดีใจ เค้าจะโผกอดเรา เฮ้ย! เดี๋ยวๆ
มันใช่ป้ะ! เลยเบรกไว้แค่นั้น ยังไม่ได้กอด (- -a) ลิฟท์จอดที่ ชั้น5 มูทูเดินออกไป พร้อมบอก “แล้วเจอกัน” เราก็โอเคๆ (เฮ้อ รอดไป นึกว่าจะตามไปถึงห้อง) เราพักที่ชั้น6 เป็นห้องfemale dorm เป็นเตียงสองชั้น สองเตียง นอนได้สี่คน แต่เตียงล่างมีคนนอนแล้ว
เหลือแต่เตียงบน แงๆ ขี้เกียจปีน
เราปีนขึ้นไป เอาของไปเก็บ รื้อๆของอยู่ มีเสียงคนเดินเปิดประตูเข้ามา พร้อมคำว่า Hello
! เรานั่งหันหลังให้ประตู พอได้ยินเลยหันหน้าไปดู เป็นฝรั่งจ้า เย่! ได้นอนห้องเดียวกับฝรั่ง
นอนโฮสเทลรอบที่ผ่านๆมาเจอเอเชียหมดเลย( เกาหลีใต้
ฟิลิปปินส์ อินเดีย) เราก็เฮลโล พร้อมโบกมือแถมยิ้มสยามให้ 1 ที
จบบทสนทนา ผ่าง!!
เรารื้อของจนเสร็จเลยเปิดประเด็นซะ
เรา : ยูมาจากไหน?
ฝรั่ง : นอร์เวย์
เรา : กรี๊ดดดด!! นอร์เวย์ …ยุโรป …ไออยากไปยุโรป
ฝรั่ง : ไปสิ สวยนะ.. แล้วยูมาจากไหน?
เรา :ไอมาจากไทยแลนด์
ฝรั่ง : อ๋อ ไทยแลนด์ แล้วยูชื่ออะไร
เราบอกชื่อไทยเค้าไป
เค้าก็ออกเสียงตาม
เรา : แล้วยูล่ะชื่ออะไร
ฝรั่ง : เอ็น-ริ
เราขอเรียกเค้าว่าเอนรี่ก็แล้วกันนะ
เอ็นริ น่าจะเป็นภาษานอร์เวย์ เอนรี่เป็นฝรั่ง (เออรู้แล้ว ฮ่าๆ) เอนรี่เป็นฝรั่งวัยรุ่นๆหน่อย
หน้าตาดี สวยเลยแหละ ผิวขาว ตัวสูง จมูกโด่ง หน้าตาน่ารัก ดูเป็นมิตร
พูดภาษาอังกฤษได้ดี (แต่เราไม่ ฮ่าๆ)
เอนรี่แบ็คแพ็คมากับเพื่อนอีกคน ชื่ออะไรจำไม่ได้ ขอเรียกเพื่อนเอนรี่ว่า ซาร่า
แล้วกันเนอะ
เรา : ยูเคยไปเมืองไทยมั้ย
เอนรี่ : เคย เมื่อประมาณสี่ปีที่แล้ว ไอเคยไป “คอ-ชัง”
เรา : เกาะ-ช้าง
เอนรี่ : (ทำหน้าดีใจ บอก เยสๆ แล้วก็ ) “คอ-คูด”
เรา : เกาะ-กูด
เอนรี่ : บอกใช่ๆ แต่เกาะช้างมีแต่ฝรั่ง
นักท่องเที่ยวเต็มหาดไปหมด ไอไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ไอชอบสงบๆ คนน้อยๆ
เรา : ใช่ๆ ตามชายหาด ฝรั่งจะเยอะมาก ตอนไอไปภูเก็ต ไอยังงงอยู่เลยว่านี่ไทยแลนด์รึเปล่า
ฝรั่งเต็มหาดไปหมด ฮ่าๆ
เอนรี่ : ยูมาพักร้อนเหรอ
เรา :ใช่ๆ
เอนรี่: ยูมาญี่ปุ่นทำไม
เรา : ไอมีความฝันเมื่อครั้งเยาว์วัย ไออยากเล่นหิมะ ไทยแลนด์เป็นเมืองร้อน
ไทยแลนด์ไม่มีหิมะ ไออยากเห็นหิมะ ไออยากปั้นsnow man
เอนรี่ : อ้อ (ยิ้มและทึ่งกับเหตุผลของเรา) นอร์เวย์บ้านไอ มีหิมะเต็มเลย
เรา : ไอก็อยากไปยุโรปนะ แต่แพงมากสำหรับไอ (ตอนแรกจะไปเล่นหิมะที่อังกฤษ
ถามเพื่อนอย่างดิบดี ว่าเดือนไหนมีหิมะ แต่ไปเช็คค่าตั๋วแล้ว ไอร้องไห้หนักมาก
ฮ่าๆ) ขอไอทำงานเก็บตังค์ก่อน ไอไปแน่ๆ อิอิ
หลังจากเมาท์กับเอนรี่
ซาร่าก็เปิดประตูเข้ามา ซาร่าเป็นฝรั่ง ผิวขาว หน้าตาดี เป็นคนสวยคนนึง
ซาร่าถามเราว่าเรามาจากไหน เราเลยมีช้อยท์ให้ซาร่าเลือก ระหว่างไต้หวัน/อินโด /ไทย/ เวียดนาม ซาร่าทายว่าอินโด ซาร่าทายผิดจนยอมแพ้
ทายไม่ถูกซักที เราเลยเฉลยไปว่าไทยแลนด์
เท่าที่คุยซาร่าก็เป็นฝรั่งที่เฟรนด์ลี่คนนึงเลยแหละ ก็ดีนะพักห้องเดียวกัน
คุยๆกันไว้ เราว่าไม่อึดอัดดีอ่ะ เอนรี่ถามเราว่า บ่ายนี้ยูออกไปเที่ยวมั้ย
เราก็บอกว่า อ๋อ ไอจะไปShinjuku ไปดูคิวรถบัส พรุ่งนี้ไอจะนั่งบัสไปKawaguchiko แต่ไอไม่รู้ว่าคิวรถอยู่ตรงไหน ไอเลยจะไปดูก่อน แล้วก็จะไปShibuya
ตามนั้น เอนรี่กับซาร่าก็ออกไปข้างนอก เหลือแค่เรา ตอนแรกจะไป Shinjuku-Harjuku-Shibuya
แต่ไปHarajuku ไม่น่าทันแล้ว จะบ่ายสองแล้ว
เลยตัดออกไป เหลือแค่Shinjuku กับ Shibuya ถามว่าทำไมต้องไปดูคิวรถบัส ว่ากันว่า Shinjuku เป็นสถานีที่ใหญ่มาก
มีทั้งJR ทั้งSubway ทั้งรถไฟจากสนามบิน
รถไฟที่จะนั่งออกไปต่างจังหวัด ก็ต้องมาขึ้นที่นี่ สถานีShinjuku มีประมาณ 200 ทางออก (เยอะจัด) ถ้าออกผิดทางคือหลง ว่ากันว่า ถ้าไม่หลงที่Shinjuku ถือว่า ยังมาไม่ถึงโตเกียว ถ้าไปครั้งแรกกลัวเสียเวลา หาทางออกไม่เจอ หาคิวรถไม่เจอ
กลัวไปไม่ทัน ตกรถบัส วันนี้เลยจะไปดูลาดเลาก่อน
ตามไปดูคิวรถบัสที่Shinjuku >> EP. 2.3 แวะมาดูคิวรถบัสที่ Shinjuku คลิก >>http://arrowinjapan.blogspot.com/2015/03/ep-23-shinjuku.html
Facebook : https://www.facebook.com/Journey-of-Arrow-1161356250559423/?fref=ts
Facebook : https://www.facebook.com/Journey-of-Arrow-1161356250559423/?fref=ts
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น