EP.2.1 Welcome to Narita airport

EP.2.1 Welcome to Narita airport

หลังเครื่องเทคออฟ ตอนตี2กว่าๆ เราหลับไปสามชั่วโมงกว่า รู้สึกตัวอีกที ม่านหน้าต่างก็ปิดลงหมดทุกบาน คุณแอร์คงเดินมาปิด เราหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ตี5 ครึ่ง  แต่เปิดม่านหน้าต่างขึ้น แดดออก ท้องฟ้า แจ่มใสแล้วจ้า ใกล้จะถึงแล้วสินะ งีบๆไปอีก ไม่หลับแล้ว นอนอิ่มแล้ว ก่อนเครื่องแลนด์ ชั่วโมงครึ่ง คุณแอร์จะทำการเสิร์ฟอาหารร้อน มีไก่กับปลา เราเลือก ข้าวหน้าไก่ แต่กินไม่ค่อยลง ไม่เคยกินข้าวเวลาเช้าขนาดนี้  คุณแอร์ประกาศว่า เครื่องจะถึงสนามบินนาริตะ ประมาณ10โมง (ดีเลย์ไปครึ่งชั่วโมง ความจริงต้องถึง9โมงครึ่งเวลาญี่ปุ่น  ก็แหงล่ะ เมื่อคืนรอคิวเทคออฟนานขนาด) โตเกียวเมืองหลวงของญี่ปุ่น มีสนามบินฮาเนดะกับสนามบินนาริตะ ฮาเนดะจะประมานดอนเมือง คืออยู่ใกล้เมืองมากกว่า แต่นาริตะ จะอยู่นอกตัวเมืองประมาณสุวรรณภูมิ ก็เลือกบินมาลงได้ตามสะดวก ทานเสร็จคุณแอร์เริ่มเดินแจกใบขาเข้า (แหม่ ! นึกว่าจะไม่แจกซะแล้ว) เราก็หยิบมากรอก  แต่ตรงที่ให้ติ๊กว่า เพศ ชาย/หญิง  ไม่แน่ใจว่าให้ติ๊กถูก/กากบาท /หรือว่าฝนวงกลมถมให้ทึบ  ก็ว่างไว้ ไม่รู้จะถามใคร  ติ๊กมั่วซั่วโดน ตม. ถามอีก เดี๋ยวโดนจับเข้าห้องเย็น ฮ่าๆ  กัปตันประกาศว่าเครื่องจะแลนด์แล้วให้ลูกเรือเตรียมตัวด้วย ถามว่ารู้ได้ไง? แอร์แปลให้ฟังอีกรอบ ฮ่าๆๆ  กรี๊ดๆๆ เครื่องจะแลนด์แล้ว ก่อนเครื่องแลนด์ 30นาที ถ้านั่งริมหน้าต่างฝั่งซ้าย แล้วอากาศดีๆ ท้องฟ้าแจ่มใส คุณจะมีโอกาสมองเห็นยอดภูเขาไฟฟูจิ  ถ้าลำไหนบินใกล้ๆปากปล่องหน่อย กัปตันจะประกาศบอกผู้โดยสาร ว่าเรากำลังบินผ่านภูเขาไฟฟูจิทางด้านซ้ายมือ แล้วผู้โดยสารก็จะฮือฮา  ถามว่ารู้ได้ไง? ไปอ่านรีวิวคนอื่นเค้าว่ามางี้ อิอิ 

ตัดกลับมาที่ไฟลท์เรา เงียบกริ๊บๆๆ คุณแอร์ไปนั่งประจำที่และ ประกาศว่าห้ามเข้าห้องน้ำช่วงนี้ ไอ้เราก็รอฟังกัปตันประกาศตอนบินผ่านฟูจิ แต่กัปตันไม่ประกาศซักที เราก็มองหาฟูจิ หน้าจะแนบกับกระจกอยู่แล้ว ฟูจิอยู่ไหน? อุตส่าห์รีบไปเช็คอินเพื่อให้ได้ที่นั่งริมหน้าต่างเลยนะนี่ และแล้วเราก็เห็น ยอดฟูจิในตำนาน!!! กรี๊ดดดดดดดดด!!(ในใจ เดี๋ยวแอร์กับผู้โดยสารคนอื่นแตกตื่น  เด็กนี่กรี๊ดอะไร)

เครื่องบินของเราบินอยู่ห่างยอดฟูจิ พอสมควร ไม่มีเสียงประกาศจากกัปตัน ผู้โดยสารคนอื่นๆ ทำตัวปกติ มีแต่เราที่รีบควักกล้องออกมาถ่ายรูป  ซูมสุดฤทธิ์ จัดไปหลายชอท รัวๆ เย้! เห็นฟูจิแล้ว เห็นหิมะปกคลุมยอดฟูจิด้วย หิมะจ๋า (เวิ่นเว้อวอแวอยู่คนเดียว  ประหนึ่งไม่เคยเห็น #ก็ไม่เคยเห็นจริงๆ ฮ่าๆ) บินผ่านฟูจิ ไปจนลับตา  กัปตันลดเพดานบินลงเรื่อยๆ บินเข้าฝั่งประเทศญี่ปุ่นแล้ว เริ่มมองเห็นบ้านเรือน ถนน แล้วก็รถที่วิ่งบนถนนแล้ว แหล่วๆๆแล้ว จะถึงแล้วเฮ้ย ถึงเวลาตัวใครตัวมัน แอร์ก็ช่วยไรไม่ได้แล้ว โซโล่คนเดียวยาวๆเลย  แล้วก็ Touch down  ตึ้ง! กัปตันลงนิ่มมากๆ เครื่อง taxi ไปเรื่อยๆ แล้วไปจอดที่เกท เทียบงวงแฮะ นึกว่าบัสเกท คุณแอร์ประกาศว่าถึงนาริตะแล้ว เวลาท้องถิ่น 10 โมงเช้า อุณหภูมิภาคพื้น 9 องศา ครั้งแรกที่จะได้สัมผัสอุณหภูมิเลขตัวเดียวอย่างจริงจัง (ในsnow domeไม่นับนะ) เคยไปหนาวสุด ก็ดอยอินทนนท์ช่วงปลายตุลา ประมาณ13-14 องศา ก็หนาวนะ ใส่แค่แจ็คเก็ตกับเสื้อยืด ไม่คิดว่าเดือนตุลา บนยอดดอยจะหนาวขนาดนี้ เลยเอาพร็อบไปไม่เยอะ เข้าป่าไปก็หนาวไป ฝรั่งที่เดินป่านี่ชิวมาก เสื้อกล้ามกะขาสั้นเดินป่า เรายังสงสัยเลยว่าอยู่ประเทศเดียวกันรึเปล่า ฮ่าๆ ตัดกลับมาบนเครื่อง ประตูเครื่องเปิดแล้ว ผู้โดยสารเริ่มทยอยเดินออก ใบขาเข้าเหลือที่ต้องติ๊กว่าเพศหญิง/ชาย ไม่รู้ให้ติ๊กแบบไหน มีชายหญิงคู่นึง น่าจะเป็นแฟนกัน ไม่ได้มากับทัวร์ เราเลยจะถามเค้า 
โทษนะคะ ตรงที่ติ๊กว่าเพศอะไรนี่ ติ๊กถูก หรือ กากบาทหรือยังไงคะ?”
อ๋อ ผมวงกลมอ่ะครับ แต่จริงๆยังไงก็ได้
อ่อ ขอบคุณค่ะ

ปกติเวลามาเที่ยวต่างประเทศ เรามีจะกฎข้อนึง คือจะไม่พูดไทย หรือจะพูดเมื่อจำเป็นเท่านั้น แต่ไฟลท์นี้มีแต่ทัวร์ไทยค่ะ และคนไทยที่มากันเองแบบเรา ก็เลยยอมถามก็ได้ ถือว่าช่วยเหลือกันในต่างแดน คนไทยไม่ทิ้งกัน ฮ่าๆ แต่จะทิ้งตอนเดินออกจากประตูเครื่องไปแล้วนี่แหละ ฮ่าๆ แกมาคนเดียวแกตายแน่ !! จะรอดมั้ยเนี่ย !! > <

เดินกรีดกรายๆ ก้าวขาออกจากประตูเครื่องไป
All right!! Here we go!!
เดินไปเรื่อยจนถึง ตม. คนไม่เยอะมีแค่ไฟลท์เรา เราก็เนียนๆไปกับกรุ๊ปทัวร์ไทย จะมีคุณลุงเจ้าหน้าที่ตม. ยืนคอยเช็คใบขาเข้าด้วยว่าเรากรอกรายละเอียดครบมั้ย? คุณลุงขยันขันแข็งมาก กระฉับกระเฉงสุดๆ รอไม่นานก็ถึงคิวเราปะทะกับตม.  รอบนี้เราเจอตม.ผู้ชาย อายุประมาณ30ปลายๆ ท่าทางใจดี ขั้นตอนการผ่าน ตม.ญี่ปุ่น ไม่มีอะไรมาก ก็แค่มองกล้องถ่ายรูป บนหน้าจอมีภาษาไทยบอกด้วยว่ากรุณามองกล้อง  เก๋อ่ะ บ่งบอกว่าคนไทยมาญี่ปุ่นเยอะจริง ตอนถ่ายนี่ให้ทำหน้าตาธรรมดานะ สายแบ๊วไม่ต้องนะฮะ เดี๋ยวโดนไล่ไปเข้าห้องเย็น ฮ่าๆ เสร็จแล้วก็ให้เอานิ้วชี้ทั้งสองมือ สแกนนิ้ว แตะลงไป เราก็แตะ แตะและกดสักพัก (เมื่อยนิ้วนะ) ตม.บอกเราว่า วัน-มอ-ตัม” (one more time) เป็นภาษาอังกฤษสำเนียงญี่ปุ่น  เราก็ยกนิ้วแล้วแตะใหม่  ของญี่ปุ่นขาเข้านี่ไม่ปั๊มนะ เป็นสติ๊กเกอร์ แปะให้ ก็แปลกดี ปกติส่วนใหญ่จะปั๊ม มีที่ฮ่องกง ที่เลิกปั๊มแต่เปลี่ยนเป็นกระดาษแล้วปริ้นท์ออกมาให้เก็บไว้แทน แถวยุโรปไม่รู้ เพราะไม่เคยไป ฮ่าๆ ใครเคยไป  มาแชร์กันมั่งนะ ผ่าน ตม.มาแบบชิวๆ ไม่ถงไม่ถามสุขภาพซักคำ เรามีแสตมป์ของสิงคโปร์ในพาสปอร์ต แถมหน้าตาไม่น่ามีตังค์ซื้อของมาหิ้วไปขายที่ไทย เป็นแบ็คแพ็คเกอร์ธรรมด๊า ธรรมดาเท่านั้น เค้าเลยปล่อยมาแบบชิวๆ(มั้ง)  เดินกรีดกรายๆ ยังไม่หมด ยังมีอีกด่าน คือศุลกากร ก่อนผ่านศุลกากรให้รับกระเป๋าที่โหลดก่อน แต่เราไม่ได้โหลด แบกเป้มากับเสื้อโค้ท เดินมาถึงศุลกากร เป็นเจ้าหน้าที่ผู้หญิง ยังดูวัยรุ่นๆอยู่ 

จนท. : มีของแค่นี้เหรอ?
เรา : ใช่แล้ว ไอไม่ได้โหลดกระเป๋า
จนท. : มาญี่ปุ่นกี่วัน?
เรา : 4 วันค่ะ
จนท. : ยูพักที่ Asakusa?
เรา : ใช่ๆ ไอพักแถว Asakusa
จนท: มาคนเดียว?
เรา : ใช่ ไอมาคนเดียว
จนท. : โอเค เที่ยวให้สนุก
เรา : แต๊งกิ้ว (ยิ้มสยามให้ 1 ที)

โห เป็นครั้งแรกที่เที่ยวต่างประเทศแล้วโดนเจ้าหน้าที่ถาม  ตอนเค้าถามว่า  How long you stay in Japan? ยังติดสตั๊นท์อยู่เลย  อะไรวะ ลองๆ งงๆไง เพิ่งลงเครื่องมา ยังไม่ได้จูนภาษา  นอนไม่เต็มด้วยมั้ง หลับไปแค่ 3 ชั่วโมง โอเค รอด

เข้าประเทศญี่ปุ่นได้อย่างสวยงาม เย่!!


สเต็ปต่อไปคือ นั่งรถไฟเข้าเมืองจะไปที่พักแถวAsakusa ในเว็บของโฮสเทลบอกว่าให้นั่ง Keisei line แบบ Access express ที่เป็นสายที่จะไปสนามบินฮาเนดะ ค่ารถไฟ 1290 เยน ให้นั่งอันนี้ ไม่ต้องเปลี่ยนขบวนยิงยาวสถานี Asakusa  ก็โอเคจัดไป ลงบันไดเลื่อนไป จะเจอเคาท์เตอร์ขายตั๋วของบริษัทKeisei เจ้าหน้าที่กดตั๋วให้เราแล้วบอกเราว่ารถไฟจะมาเวลา 11.26 . นะ


เรานึกได้ว่ายังไม่ได้ซื้อบัตร Metro pass เป็นบัตรที่ขายให้นักท่องเที่ยวที่สนามบินนาริตะ กับ ฮาเนดะ เท่านั้น ถ้าไม่ซื้อจากสนามบินคืองานงอก ต้องไปกดตั๋วเอาตามตู้ของแต่ละสถานี Metro pass สามารถใช้นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินของ  Merto และ Toei สรุป มีบัตรนี้นั่งใต้ดินได้ทุกสายทุกขบวนในโตเกียว ครอบคลุมที่เที่ยวที่เราจะไป จะมีแบบ one-day, 2 day, 3 day เราซื้อแบบ3วัน 1500 เยน




 ต้องใช้ 3 วันติดกัน หมดอายุ เที่ยงคืนของวันที่3 เช่น เราสอดบัตรวันนี้วันแรก ศุกร์ที่ 27กุมภา บัตรจะใช้ได้ถึง เที่ยงคืนวันอาทิตย์ที่1 มีนา เป็นต้น   คนขายบัตรรถไฟบอกว่า บัตรMetro pass ซื้อได้ที่เคาท์เตอร์ Keisei bus อยู่ชั้นบน ก่อนยูเดินลงบันไดเลื่อนมาอ่ะ เราก็อ่อ ได้เดินขึ้นบันได้เลื่อนไปซื้อข้างบน แล้วก็ลงมาใหม่ ยังพอมีเวลา เราไปล้างหน้า แปรงฟันในห้องน้ำ แต่งตัวใส่โค้ทขนเป็ด ผ้าพันคอ รองเท้าบู้ท จัดเต็มค่ะ ไม่ต้องหิ้วเสื้อโค้ทแล้ว สบายขึ้นเยอะ แล้วก็ลงไปรอรถไฟ สอดตั๋วเข้าไป แล้วก็รับตั๋ว เดินลงบันไดเลื่อนมารอรอรถไฟ

 11.22. รถไฟsky liner ที่จะไปลงUeno มาจอด


 เป็นแบบที่นั่ง2-2 มีบุคที่นั่งด้วย อันนี้ไปลงUeno (อ่านว่า อุ-เอ-โนะ  ตอนแรกเราอ่านชื่อสถานีนี้ว่า ยูโน่ อย่างฮาอ่ะ จนไปอ่านหลายๆรีวิว เลยรู้ว่าเค้าอ่านกันว่าอุเอโนะ  บอกแล้วว่าเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับญี่ปุ่นเลย ชื่อสถานที่ยังอ่านไม่ถูกเลย ฮ่าๆ รู้แค่ว่าญี่ปุ่นก็มีหิมะ ไม่ต้องขอวีซ่า รู้แค่นี้ก็มาเลย ฮ่าๆ)

11.26 . รถไฟของเราก็มา อีกอย่างนึง ใครมาญี่ปุ่นตั้งนาฬิกาให้ตรงกับที่สนามบินเลยนะ ที่นี่เค้าเป๊ะ เรื่องเวลากันมากๆ บอกว่าอีก2นาทีรถไฟจะมา ก็มาจริงๆ ตรงเวลามากๆ ชอบๆ

รถเรามาแล้วโดดขึ้นเลย อ้อ ตอนรอรถไฟเราสัมผัสได้ถึงความหนาวเย็น กิ๊วๆ ค่อยได้ฟีลเมืองนอกหน่อย อิอิ แต่เข้าไปในรถไฟแล้วจะอุ่นนะ หน้าหนาวเค้าเปิดฮีทเตอร์กัน เออๆอุ่นดี  รถไฟเป็นแบบ2แถวหันหน้าเข้าหากัน ขบวนนี้แหละไม่ผิดแน่ จนท.ที่ขายตั๋วบอกว่าออกจากสนามบิน11.26 . จะไปถึง Asakusa 12.22

เดี๋ยวเราจะมาลุ้นตอนต่อไปกันนะฮะ  ว่าจะถึงAsakusaตรงเวลารึเปล่า… : ) >> EP.2.2 โตเกียวหนาวมาก  
คลิก>>http://arrowinjapan.blogspot.com/2015/03/ep22.html

แวะไปคุยกันได้ที่ >> https://www.facebook.com/Journey-of-Arrow-1161356250559423/?fref=ts

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น