โตเกียวอะเกน : โตเกียว..วันฝนพรำ

เช้านี้ตื่นมาพร้อมกับเสียงฝนตก เปิดม่านออกไปตรงหน้าต่าง วันนี้ฝนตกแต่เช้าเลย
วันนี้ไม่รีบค่ะ เที่ยวชิวๆ เช้านี้ต้องไปแก้ตัวกับราเมงข้อสอบ สำหรับรอบนี้เราจะไปทานที่สาขา Ueno
จากนั้นก้จะไปเดินหาซื้อขนมของฝากที่ตลาด Ameyoko

พร้อมแล้วไปกันเลย เก้าโมงกว่าๆ เดินออกจากที่พักไปทางวัดเซ็นโซจิ
เห็นโตเกียวสกายทรีในม่านหมอก


เดินออกมาทางถนนนากามิเสะ เพื่อที่จะไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดิน
มองกลับมาที่วัดเซ็นโซจิ

เคยอ่านเจอ ประโยคนึง เค้าบอกว่า

"ร่มไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อให้ฝนหยุดตก
แต่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้เราเดินต่อไปได้...ท่ามกลางสายฝน" : )


สำหรับบัตรรถไฟฟ้าที่เราใช้จะเป็น บัตรรถไฟฟ้าใต้ดิน Tokyo subway pass แบบเหมา 3 วัน ราคาใบละ 1500 เยนค่ะ อันนี้ซื้อไว้ตอนลงจากเครื่องที่สนามบินฮาเนดะ จะมีเคาท์เตอร์ขายอยู่ตรงทางผู้โดยสารขาเข้าค่ะ  ใช้ได้ถึงรถไฟฟ้ารอบสุดท้ายของวันที่ 3 หน้าตาบัตรเป็นแบบนี้ (เดินทางเมื่อ ตุลาคม 58)

แต่ปัจจุบันเปลี่ยนใหม่เป็นรายชั่วโมงคือแบบ 24/48/72 ชั่วโมงค่ะ ถือว่าสะดวกกว่าเดิมมาก^^
รายละเอียดเพิ่มเติมตามนี้เลยค่ะ >> http://www.tokyometro.jp/th/ticket/value/travel/index.html




การเดินทางไปยังราเมงข้อสอบ สาขา Ueno (อ่านว่า อุเอโนะ  แต่ตอนมาโตเกียวครั้งแรก เราอ่านว่า "ยูโน่" ฮ่าๆๆ)

ถ้ามา JR ให้ลงสถานี Ueno ออกทาง Yamashita Exit
ส่วนใครมาทาง metro ก็ให้ลงสถานี Ueno
แล้วเดินออกมาหา สาถานี JR มองหาป้าย Yamashita exit เราเดินวนอยู่ประมาณนึง เนื่องจากเป็นสถานีใหญ่ และคนเยอะค่ะ  เดินวนๆมาก็เจอทางออก ตรงนี้

Yamashita Exit  เดินตรงออกไปแล้วเลี้ยวขวาค่ะ



จะเจอร้านราเมงอยู่ฝั่งขวามือค่ะ หาง่าย ไม่หลง


เดินเข้าไปในร้านเจอตู้กดตั๋วก็จัดการหยอดตั๋วค่ะ เรากินแบบธรรมดา ไม่Add on
หยอดไป 790 เยน ได้ตั๋วแล้วไปนั่งทำข้อสอบค่ะ  รอบนี้ไม่งัดก๊อกน้ำเค้าแล้วค่ะ กดน้ำเป็นแล้ว ฮ่าๆ
รอบแรกได้ราเมงเด็กมากิน  รอบนี้โรยผัก แล้วเขียนความเผ็ดระดับ เบอร์ 4 ค่ะ
ได้มาหน้าตาแบบนี้ เผ็ดแสบลิ้นตัวเอง เหอๆ (เป็นคนไม่กินเผ็ดมากค่ะ)  รวมๆอร่อย อากาศหนาวๆกินราเมงร้อนๆ โอ๊ย ฟินค่ะ

"อิต๊ะด๊ะคิมัส!!  (จะกินแล้วน๊าค๊าา ^/\^ )


ทานราเมงเสร็จไปวิ่งเล่นกันต่อ ที่ตลาดAmeyoko แหล่งรวมสินค้า ของฝาก ของกินต่างๆ
ถ้ามา Metro ให้ลงสถานี Ueno ออก Exit 5 ค่ะ

เดินตามป้ายมาเรื่อยๆ ข้ามถนนมา เจอแล้ว Ameyoko


มีของขายเยอะแยะเลย ทั้งขนม ของฝาก ร้านอาหาร มีผลไม้สดหลายร้านเลย
จัดสตรอเบอรี่มาล้างปากซะหน่อย
ไม้นี้ 200 เยนค่ะ ลูกโตๆ หวาน อร่อย ^^


เดินวนๆอยู่ในตลาด จนเจอของที่อยากได้แล้ว แต่ยังไม่ซื้อค่ะ ขี้เกียจถือ
เลยจะไปเดินเล่นที่ Ueno Park ก่อน สำหรับทางไปนั้น เราถามค่ะ

เห็นผู้หญิงวัยรุ่นหน้าหมวยๆ สองคนเดินมาด้วยกัน เลยเดินไปถามเค้า

เรา :  ซูมิมาเซน , Ueno park ??
เค้า : (งง แล้วมองหน้ากัน ) sorry, I'm Chinese.

ผ่างงงงงงงง!!!!

ไม่ใช่คนญี่ปุ่นค่ะ และเค้าน่าจะไม่รู้ด้วย ฮ่าๆๆ

โอเค เดินต่อไป แต่ก็พยายามมองหาป้าย  เจอคนญี่ปุ่นเดินมา คนนี้น่าจะญี่ปุ่น ชัวร์ๆๆๆ
เลยถามเค้า เคาก้ชี้ไปที่ฝั่งตรงข้ามที่เราเดิน  เราก็"อาริกาโตะค่าา^^"

เดินข้ามถนนมาเจอตรงที่มีต้นไม้เยอะๆ น่าจะอันนี้แหละ เดินเข้าไปโลด


เดินตรงเข้าไป นี่หรือโตเกียว มีสวนที่ร่มรื่นแบบนี้ด้วย ด้วยความที่ฝนเพิ่งตกเสร็จ และอากาศที่โตเกียวก็เย็นอยู่แล้ว เลยทำให้หนาวเข้าไปอีก ><


ยิ่งเดินยิ่งหนาว เจอศาลเจ้าด้วยค่ะ น่าจะทางเข้าวัดรึเปล่า
แต่ Ueno park เราไม่ได้หาข้อมูลมาว่ามีอะไรบ้าง ใหญ่แค่ไหน


ดูเหมือนว่าจะมีทางเดินต่อไปเรื่อยๆๆ เราเลยเดินกลับไปซื้อของที่ Ameyoko ก่อนแล้วเอาของไปไว้ที่ห้อง เด๊่ยวเย็นๆค่อยออกมาใหม่ ว่าจะไปกินสตาร์บัคที่แยก Shibuya ค่ะ ^^

ขากลับจาก Ueno มาที่ Asakusa แวะซื้อซาลาเปาทอด ^^


เอาของไปเก็บ พักผ่อนที่ห้อง ตอนเย็นเลยออกมาใหม่ เดี๋ยวจะไป Shibuya กันค่ะ
ขึ้นรถไฟไป Shibuya กันค่ะ



นั่งยาวๆก็มาถึง Shibuya ครึ้มๆเหมือนฝนจะตกอีกแล้ว ><

แยก Shibuya มุมจากด้านบน


เดินลงมาข้างล่าง เจอรูปปั้นเจ้า "ฮาจิโกะ"


รอข้ามถนนไปกินสตาร์บัคฝั่งตรงข้ามค่ะ  จะอยู่ชั้น 2 ของตึก Tsutaya


เดินข้ามาแล้ว เข้ามาซื้อชาเขียวค่ะ คนเยอะทีเดียวแต่รอไม่นานมาก ไม่รู้ขึ้นไปจะมีที่นั่งรึเปล่า
แต่รอบนี้อุตส่าห์ตั้งใจจะมากินแล้ว ก็ต้องตามนั้น ได้ชาเขียวมาแล้วเดินมาชั้นสอง 
เต็มค่ะ ! ไม่มีที่นั่ง เลยยืนรอแป๊บนึง มีฝรั่งเพิ่งลุกออกไป คือมุมดีมาก เห็นวิวห้าแยกชัดเจน
แต่ไม่ชัวร์เท่าไหร่เลยถามฝรั่งผู้หญิง เก้าอี้ข้างๆ เค้าบอกว่าไม่มีคนนั่ง 

เย่ ! ได้นั่งแล้ว 


ฝรั่งผู้หญิงที่นั่งข้างๆเรา สวยมากกกก ขาว จมูกโด่ง ผมสีทอง ทาลิปสติกสีแดง 
เราเลยชวนคุย เค้าเป็นคนลัตเวีย  เพิ่งมาจากเกียวโต เค้าเคยมาเที่ยวเกาะพะงันด้วยค่ะ 

เค้าถามว่าเราจะไปไหนต่อ ก็เดี๋ยวไปฮาราจุกุต่อ จะไปกินเครป  
ส่วนเค้านัดแฟนไว้จะไปทานข้าวเย็นกัน
เค้าทานกาแฟเสร็จ ก็เลยลุกไป บ๊ายบายค่าา Nice to meet you ^^

กินชาเขียวไปดูวิวไป  ตอนนี้โตเกียว 16 องศาค่ะ 


ทานชาเขียวเสร็จแล้ว ก็ไปกินเครปต่อที่ฮาราจูกุค่ะ นั่งmetro ไปอีกเช่นเคย 
แต่เรานั่งผิดสายค่ะ มันมี local กับ express เราโดดขึ้น express เลยไม่แวะจอดสถานี meiji-jingumae 
เราเอ๋อๆ ไปพักนึง เลยไปถามคนญี่ปุ่นว่าจะกลับไปสถานี meiji - jingumae ยังไง
เค้าดูตารางรถให้ แล้วบอกให้เรารอขึ้นรถไฟ รอบที่เค้าบอก เพราะมันจะเป็นขบวน local จอดทุกสถานี

อาริกาโตะค่าา ^^ 

มาถึงสถานี Meiji-jingumae จะไปถนนทาเคชิตะ เลยไปถามนายสถานี 
พูดแค่ว่า  "ซูมิมาเซน , ทาเคชิตะ?"
เค้าบอกว่า "three" (พร้อมชูสามนิ้ว)  

อาริกาโตะโกไซมัสค่าา ^^ 

โผล่ขึ้นมาทางออก3 ก็ยังไม่เจอ เลยถามน้องนักเรียนผู้หญิงสองคน กำลังนั่งคุยกัน
น้องมองหน้ากัน แล้วยืนขึ้น  กวักมือเรียกบอกให้เดินตามน้องไป 
คนญี่ปุ่นมีน้ำใจกับนักท่องเที่ยวเสมอ แต่เกรงใจจัง อุตส่าห์เดินพามาส่ง ระหว่างทางน้องถามว่า
"ชอปปิ้ง??"  เราก็อ๋อ ไม่จ้า มากินเครป เราเลยบอกว่า "เครปๆๆ" 

ถนน ทาเคชิตะ อยู่ exit 3 โผล่ขึ้นมาตรงมาเรื่อยๆค่ะ จะเจอซอยอยู่ฝั่งขวามือ แบบนี้คือทางเข้าถนน ทาเคชิตะนั่นเอง 

ขอบคุณน้องๆที่มีน้ำใจ ช่วยเหลือพาเดินมาส่งถึงที่เลยค่ะ ^^


เดินเข้าไปเลยค่ะคุณผู้ชม  แหล่งรวมวัยรุ่นจริงๆที่นี่


ร้านเครปมีหลายร้านค่ะ เราเลือกร้านนี้ละกัน 


ดูซิมีอะไรมั่ง



มีให้เลือกเยอะเลยค่ะ เราเลือกอันนี้ละกัน "สตรอเบอรี่" 430 เยนค่ะ


เดินไปบอกคนขายว่า "นัมเบอร์ 4 "ค่ะ  ยืนรอแป๊บนึงเพราะคนเยอะค่ะ 
นี่ได้มาแล้ว เครปญี่ปุ่น แป้งเค้าไม่กรอบค่ะ แป้งนุ่ม อร่อยๆ


ร้านอื่นก็มีนะคะ เลือกได้เลยตามใจชอบ



ทานเครปเสร็จแล้ว เดินไปเดินมามีร้านขายเสื้อผ้าน่ารักๆ ด้วยค่ะ ปกติไม่ใช่ขาช้อปนะคะ
แต่เสื้อน่ารักมากๆ เลยเผลอใจซื้อไป 1 ตัว ใครขาช้อปนี่เตรียมเงินมาเยอะๆเลยค่ะ 
เสื้อผ้าน่ารักน่าซื้อไปหมดเลยค่ะ ^^ 

จากนั้นก็นั่งรถกลับมาที่ Shibuya ดูบรรยากาศยามค่ำคืน  แต่โผล่ขึ้นมาแล้วปรากฏว่า 

"ฝนตกค่ะคุณผู้ชม" !!



กลับดีกว่าหิวข้าวแล้ว นั่งรถไฟฟ้ากลับมาที่ Asakusa เดินวนๆ เห็นร้านอาหารข้างทางหลายร้าน
เดินไป มีแต่เมนูภาษาญี่ปุ่น ไม่มีรูปด้วย คนอ่านญี่ปุ่นไม่ออกอย่างเราแย่เลย

ต้องเดินวนๆอยู่นาน มีร้านอาหารยังเปิดอยู่เลยกินร้านนี้ละกัน เมนูมีรูปด้วย เลยรอดตาย ฮ่าๆ
จิ้มเมนู ได้อันนี้มากิน เย่! ^^ ชามละประมาณ 500 เยน เรียกว่าอะไรไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่อร่อยนะ



ทานเสร็จกลับห้อง ตอนแรกตั้งใจจะไปหาคุณฟูจิพรุ่งนี้ แต่วันนี้ฝนตก แถมดูพยากรณ์อากาศ  พรุ่งนี้อากาศไม่ค่อยโอเค มีเมฆ ไปแล้วเดี๋ยวมองไม่เห็นอีก เลยย้ายไปไว้วันมะรืน พรุ่งนี้เที่ยวในโตเกียวต่ออีก 1 วันค่ะ ^^

โปรดติดตามตอนต่อไป >> http://arrowinjapan.blogspot.com/2017/03/blog-post.html

โตเกียวอะเกน : Back to Tokyo

วันนี้เราต้องกลับโตเกียวแล้ว รถเราออก 08.15 น.
เช้านี้ตื่นเช้าหน่อย เพราะต้องเก็บของ  ทานข้าวเช้าแล้วก็ทำความสะอาดห้อง

เช้านี้ตื่นมามีหมอกลงหนาแน่น อากาศหนาวมากๆค่ะ ><


เมื่อวานตอนเย็น คินูโยะซังถามว่าเราอยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย
เราก็ไม่ใช่เซียนอาหารญี่ปุ่น แล้วก็นึกไม่ออกด้วย เช้านี้เลยมีปลาแซลมอนชิ้นโตๆ
รสชาติเปรี้ยวๆนิดๆ หรือเรากินไม่เป็น กินไม่หมดด้วยเกรงใจจัง ><

กินเสร็จ เช้านี้ไม่ต้องล้างจานเพราะเดี๋ยวไม่ทันขึ้นรถ  คินูโยะบอกให้เราเครื่องดูดฝุ่นไปดููดฝุ่นบนห้องด้วย  เราก็ถือขึ้นไป แต่ใช้ไม่เป็น ปุ่มกดเป็นภาษาญี่ปุ่นหมดเลยค่ะ  ยูมิจังอ่านไม่ออก ฮ่าๆ
เลยวิ่งลงไปบอกคินูโยะซังมาทำให้ดู ดูดฝุ่นเสร็จ ก็เอากระเป๋าไปใส่ไว้ในรถ
คินูโยะจะขับรถไปส่ง  จุดขึ้นรถอยู่ใกล้ๆกับร้านของฮิโรชิซัง

ระหว่างทางไปที่ร้าน หมอกลงหนาเชียว


แล้วรถก็ไปจอดหน้าร้าน วันนี้ร้านปิด แต่ฮิโรชิซังก็เข้าไปทำงานที่ร้านแต่เช้า
เราเข้าไปลาฮิโรชิซัง ขอบคุณมากๆค่ะ ดูแลเราดีมากๆเลย อาหารอร่อยแถมพาไปเที่ยวอีกด้วย
เราบอกว่าจะไปบอกเพื่อนให้มาเที่ยวที่นี่ และก็จะแนะนำให้ Wwoofer มาวูฟที่นี่ด้วย ^^

อาริกาโตะโกไซมัสค่าา ^/\^

กอดลาฮิโรชิซังก่อนที่ต้องขึ้นรถ กลั้นน้ำตาไว้เกือบไม่อยู่ เพราะรู้ตัวว่าถ้าร้องแล้วร้องเลย
หยุดไม่ได้แน่นอน

จากนั้นคินูโยะซังก็มาส่งขึ้นรถแถวๆหน้าร้าน 100 เยน เป็นจุดรับแวะผู้โดยสารของที่นี่
อีกไม่กี่นาทีรถก็จะมาแล้ว คินูโยะส่งเราแค่ตรงนี้ เราบอกว่าไม่เคยมาอยู่ต่างประเทศนานขนาดนี้
ครั้งนี้ครั้งแรก

น้ำตาไหลเลยข่าาคุณผู้ชม T T

โฮสต์ดูแลเราดีมาก รู้สึกโชคดีมากที่ได้มาวูฟที่นี่ คินูโยะซังเห็นเราร้องไห้ก็ลูบหัว บอกไม่เป็นไรๆ
เดี๋ยวค่อยกลับมาเที่ยวใหม่ จากนั้นคินูโยะก็ให้คุ้กกี้มาสามชิ้นกับโปสการ์ดมาให้เราด้วย
จากนั้นก็ขับรถกลับบ้าน

เรายืนร้องไห้อยู่ตรงนี้คนเดียว หนาวก็หนาว เช้านี้ใส่เสื้อกันหนาวสองชั้น
สักพักมีพี่ผู้หญิงคนญี่ปุ่นมายืนรอรถกับเรา เราเลยยื่นตั๋วให้เค้าดู ถามว่าที่นั่งเรา 3D ใช่มั้ย?
เพราะตั๋วเป็นภาษาญี่ปุ่นหมดเลย มีแค่ตรงนี้ที่เป็นตัวภาษาอังกฤษ พี่เค้าบอกว่าใช่
เราเลยเอาคุ้กกี้ให้ 1 ชิ้น ^^ พี่เค้าก็อาริกาโตะ
เราชวนคุย พี่เค้าพูดอังกฤษได้นิดหน่อย พี่เค้าบอกว่าเค้าเป็นคนโตเกียว แต่แต่งงานแล้วก็ย้ายมาอยู่กับสามีที่เมืองนี้  ส่วนวันนี้ก็จะนั่งรถกลับบ้านที่โตเกียว

ยืนรอรถตรงนี้


รถมาแล้ว ดีเลย์ประมาณ 2 นาที ขึ้นมาบนรถแล้วค่ะ
บ๊ายบาย Azumino แล้วยูมิจังจะกลับมาใหม่ค่าา ^^


อันนี้เป็นโปสการ์ดที่คินูโยะซังให้มา มีคุ้กกี้สามชิ้นแต่ให้พี่สาวคนญี่ปุ่นไป 1 ชิ้น


รถวิ่งออกมา ฟ้าเริ่มใสขึ้นเรื่อยๆ เริ่มแดดออก ขับมาเรื่อยๆก็มาถึงจุดพักรถค่ะ
จอดพักรถประมาณ 15 นาที เราเดินลงมาจากรถ พี่สาวคนญี่่ปุ่นถามว่า น้องกินกาแฟมั้ยคะ?
แล้วชี้ไปที่ Starbuck เราไม่ใช่คอกาแฟ เลยบอกว่าหนูไม่ทานค่า  แฮ่! ><

ญี่ปุ่นนี่เค้าแยกขยะทุกๆที่ค่ะคุณผู้ชม !!


เราแวะไปซุปเปอร์มาเก็ต ได้นำมา 1 ขวด ก่อนซื้อก็ถามคนญี่ปุ่นก่อนว่าใช่น้ำเปล่ามั้ย?
เพราะเรามาญี่ปุ่นครั้งแรก หยิบมาผิด เห็นน้ำใสๆ ไม่ใช่น้ำเปล่า เพราะว่าอ่านฉลากไม่ออก 5555+

ขึ้นรถมาแล้ว พี่สาวคนญี่ปุ่น เดินมาเอาขนมมาให้แล้วก็เอาข้อความในกูเกิ้ลทรานสเลท ในมือถือให้เราอ่าน  แปลได้ความว่า ขอบคุณสำหรับขนม อะไรประมาณนี้ (คือเราเอาคุกกี้ให้พี่เค้าไงคะ เค้าเลยซื้อขนมมาให้เรา เพราะเราไม่ทานกาแฟ)

อาริกาโตะค่าา ^^


รถขับมาเรื่อยๆ ก็จอดแวะพักอีกแล้ว  เราไม่ได้เข้าซุปเปอร์ แต่มายืนถ่ายเอ็มวี รับลมหนาวๆ
อยู่ด้านหน้า

โอ้ว! ดูนั่นสิคะคุณผู้ชม! ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี เดือนพฤศจิกานี่น่าจะจัดหนักจัดเต็มกว่านี้

สวยงามตามท้องเรื่องค่ะ



นั่งมาไม่ถึงสามชั่วโมงก็มาถึงชินจูกุค่ะ นี่ขนาดจอดพักรถตั้งสองครั้งนะเนี่ย *O*
เรานั่งรถไฟฟ้าใต้ดินจากชินจูกุมาพักที่อาซาคุสะที่เดิม

กลับสู่โลกแห่งความจริง วิถีแบ็คแพ็คเกอร์อีกครั้ง
เช็คอินบ่ายโมง กว่าจะเก็บของเสร็จ มีผู้หญิงเอเชียเดินเข้ามาให้ห้อง เราพักห้องรวมค่ะ
แต่เป็นคนฟิลิปปินส์ค่ะ  ได้เพื่อนใหม่เพิ่มมาอีกหนึ่งคน เราเลยแบ่งคุกกี้ให้เค้าหนึ่งชิ้น ^^

นอนกลิ้งไปกลิ้งมา บ่ายสามกว่าๆหิวข้าวค่ะ เลยออกไปหาอะไรทาน วันนี้ไม่มีโปรแกรมเพราะเหนื่อยจากการเดินทาง เด๊่ยวพรุ่งนี้ค่อยเที่ยว

อาหารของเราหลังจากที่มาถึงโตเกียวอีกครั้ง
ทานไม่หมดนะคะ อิ่มก่อน ได้เยอะมากกก


ที่วัดเซ็นโซจิ นักท่องเที่ยวเยอะเหมือนเดิม ใกล้จะมืดแล้ว เราอยากไปดูไฟที่โตเกียวทาวเวอร์
ก็เลยนั่งรถไฟใต้ดินไปค่ะ



มาถึงแล้วเดินเข้าไปด้านใน แต่ไม่ได้ขึ้นไปชมวิวข้างบน (ไม่มีตังค์ ฮ่าๆๆ)
ด้านล่างมีร้านขายของที่ระลึก โปสการ์ดเกี่ยวกับโตเกียวทาวเวอร์เยอะแยะเลยค่ะ เราได้โปสการ์ดรูปโตเกียวทาวเวอร์มา 1 ใบ

เดินมาดูไฟกันบ้าง เริ่มมืดเริ่มเปิดไฟแล้ว รูปอาจไม่สวยนะคะ ใช้มือถือถ่าย
เราเน้นบรรยากาศค่ะ  อากาศหนาวๆ กับโตเกียวทาวเวอร์เปิดไฟสวยๆ

มุมแหงน



เริ่มมืดละ

สำหรับใครที่อยากเห็นมุมนี้ ให้ลงรถไฟใต้ดิน Metro
สถานี Akabanebashi  Exit Akabanebashi ค่ะ โผล่ขึ้นมาเจอโตเกียวทาวเวอร์เลย

รูปก่อนกลับ



อยู่จนมืดค่ำ กลับไปพักผ่อนที่ห้องดีกว่า  เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเที่ยวต่อ ^^

โปรดติดตามตอนไป >>> โตเกียว..วันฝนพรำ http://arrowinjapan.blogspot.com/2016/12/blog-post.html

โตเกียวอะเกน : WWOOF DAY 8 Last day

วันนี้เป็นวันทำงานวันสุดท้ายแล้ว พรุ่งนี้จะต้องกลับโตเกียวแล้ว ตอนแรกฮิโรชิซังจะให้ไปเที่ยว
ไม่ต้องมาทำงาน แต่เราบอกว่าเราหยุดไปแล้วเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว แถมยังรู้สึกว่ายังทำงานไม่คุ้มค่าข้าวเลย ฮ่าๆ เรารู้สึกว่าอยากมาทำงานเลยขอฮิโรชิซังมาทำงาน วันนี้เข้างานสิบโมงเหมือนเดิม
ทานข้าวเสร็จออกมาปั่นจักรยานเล่น  ไปcycling road หลายวันติดละ
วันนี้เลยไปสั่งลาไร่วาซาบิซะหน่อย จะไปจัดไอติมวาซาบิอีกรอบ

เช้านี้อากาศดีมาก ฟ้าใส กับใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆ ^^
สนามเทนนิสกับ โรงยิมแถวๆบ้านที่ปั่นผ่านทุกๆวัน ตอนเย็นๆจะมีคนญี่ปุ่นมาตีเทนนิสที่นี่


อีกมุมนึง  วันนี้จักรยานสีน้ำเงิน


ปั่นมาเรื่อยๆ ไปทางไร่วาซาบิ
โอ้ว เธอเห็นท้องฟ้านั่นไหม (ร้องเพลง แฮ่ๆ)


ปั่นมาถึงไร่วาซาบิ เพิ่งจะเช้าๆคนยังไม่เนอะมาก และร้านไอติมยังไม่เปิด ฮ่าๆ เรามาเช้าเกินไป
เดี๋ยวไปเดินเล่น ค่อยกลับมาใหม่


ไปเดินเล่นกันก่อน อากาศที่ไร่วาซาบิ สดชื่นสุดๆ


เดินวนไปวนมา กลับมาที่ร้านไอติม ร้านเปิดแล้ว
จัดมา 1 โคนสั่งลา  ยูมิจังจะกลับโตเกียวแล้วนะคะ T T


กินไอติมเสร็จ ต้องแวะไปไปรษณีย์อีก ไปส่งโปสการ์ดหาตัวเอง อิอิ

ระหว่างทาง
ดูท้องฟ้าสิ ดูก้อนเมฆนั่นสิ  ดูภูเขานั่นสิ !!


ฉันชอบทางมาไร่วาซาบิมากๆเลย อากาศเย็นๆ ปั่นจักรยาน วิวภูเขาล้อมรอบ  สองฝั่งเป็นทุ่งนา
เป็นโมเมนต์ที่ Hello World !!!!!!!!!!! สุดๆ ^^


มุมยังไม่ได้  ขยับมาตรงกลางละกัน  วิวมันสุดลูกหูลูกตาจริงๆค่ะ คุณผู้โช้มมมม !!! ^^
ทางตรงนี้มันเป็น slope ถ้าปั่นมาเร็วๆแล้วปล่อยมือสองข้างจะฟินมากกกก

แต่เราปล่อยไม่ได้

เดี๋ยวล้ม!!! 555555+ ปล่อยมือข้างเดียวพอ !! ฮ่าๆๆ


อีกรูป บ้านคนสีขาวๆ เล็กๆไกลๆตรงนู้น ให้ความรู้สึกว่าอยู่ประมาณสวิตเซอร์แลนด์
(ยังไม่เคยไปนะ แต่มีความมโน  5555+)


แวะมาส่งโปสการ์ดกันก่อน


นี่คือโปสการ์ดของเรา เป็นรูปไร่วาซาบิตอนหิมะตก คงสวยน่าดูเลย
ซื้อจากร้านของฮิโรชิซัง 100 เยน

เจอกันที่ไทยจ้า ^___^


ส่งโปสการ์ดเสร็จจากนั้นก็กลับเข้าไปที่ร้านตอนสิบโมง วันนี้วันพุธ ไม่มีลูกค้าเลย
ตอนเช้าคินูโยะซังถามว่าเราจะกลับโตเกียวยังไง
เราบอกว่าเดี๋ยวนั่งรถไฟไปลงมัตสึโมโต้แล้วต่อรถบัส กลับชินจูกุ ทำเหมือนตอนขามา
แต่คินูโยะบอกว่ามีรถจากAzumino ไปลงที่ชินจูกุเหมือนกัน  เดี๋ยวใหฮิโรชิซังจองให้
เราบอกว่าไม่เป็นไรค่ะ เกรงใจ  แต่คินูโยะซังบอกไม่เป็นไร  คุยกับฮิโรชิซังให้แล้ว
ระหว่างที่ไม่มีลูกค้า ฮิโรชิซังก็ช่วยจองตั๋วขากลับโตเกียวให้
จากนั้นเรามายืนรอเรียกลูกค้าหน้าร้านกับกิ๊ฟซ่าจัง
จะเที่ยงแล้วมีลูกค้ามานั่งทานกาแฟแค่คนเดียวเอง

วิวจากหน้าร้าน ตอนนี้เที่ยงแล้ว  อากาศดีมาก บอกเลย^^


เที่ยงกว่าๆ คินูโยะก็มาหาที่้ร้าน ถามว่าจะไปพิพิธภัณฑ์ด้วยกันมั้ย? เราก็ไม่ใช่แนวนั้น ฮ่าๆ
ก็ว่าจะไม่ไป จะอยู่ที่ร้าน  แต่คินูโยะซังบอกว่าไปเถอะ ฮิโรชิซังอนุญาต
เราก็โอเค ไปก็ได้ค่ะ ^^  คินูโยะ ขับรถพาไปทานข้าว ถามว่าเราอยากทานอะไร
นี่ก็คิดไม่ออก ไม่ใช่เซียนอาหารญี่ปุ่น  เลยเอาแบบเบสิคเลยว่า
"ยูมิจังอยากกินราเมงค่ะ" (เดี๋ยวกลับโตเกียวจะไปจัดราเมงข้อสอบอีกรอบ  แก้ตัว 555+)

คินูโยะซัง ก็พาไปร้านราเมง ไปทานราเมง อร่อยดี ทานเสร็จก็ไปพิพิธภัณฑ์
ระหว่างทาง  บนยอดของภูเขามีสีขาวๆ คินูโยะซังบอกว่าเป็นหิมะ!

จะว่าไป ยอดของฟูจิซังตอนนี้ก็มีหิมะตกแล้วเช่นกัน ก่อนกลับไทยจะกลับไปซ่อมคาวากูจิโกะ
หลังจากที่เดือนกุมภา เรามาตามหาหิมะครั้งแรกในชีวิต!!

เผื่อใครไม่ได้ตามแต่แรก เรามาญี่ปุ่นครั้งแรกเพื่อตามหาหิมะ!! ลิ้งค์นี้เลยจ้า >> http://arrowinjapan.blogspot.com/2015/04/ep41-kawaguchiko-1.html


ขับมาเรื่อยๆ มองไปสองข้างทาง ภูเขาที่นี่ลูกใหญ่มาก สูงมากๆ ล้อมรอบเมืองสุดลูกหูลูกตาจริงๆ
และก็มาถึงพิพิธภัณฑ์  ปรากฏว่าค่อนข้างเงียบเหงา พอเดินไปดูที่ป้ายตรงประตูทางเข้า แปะไว้ว่า

"ปิดทุกวันพุธที่ 2 และ 4 ของเดือน"

ผ่างงงงง!!!  วันนี้เป็นพุธที่ 2 ของเดือน
ปิดค่ะ!!คุณผู้ชม ฮ่าๆๆ

คินูโยะซังก็เสียดายเหมือนกันที่ไม่ได้เข้าไปข้างใน เลยเดินเล่นรอบๆ จะเป็นเนินๆ  มีต้นไม้เล็กๆขึ้นประปราย มองไปรอบๆ บวกกับอากาศเย็น ฟีลเหมือนอยู่ยุโรป (ยังไม่เคยไปเหมือนกัน  มีความมโนระดับสิบ 55555+)


มองไปอีกฝั่งนึง ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีแล้ว


คินูโยะพามานอนเล่นเอนหลัง อยู่บนพื้นหญ้าใต้ต้นไม้  มองท้องฟ้าใสๆ แล้วก็ชวนคุยไปเรื่อยๆ
หลังจากที่ผิดหวังจากการที่ไม่ได้เข้าพิพิธภัณฑ์วันนี้

หายเมื่อยแล้วคินูโยะซัง พาไปเดินเล่นต่อ เดินไปเดินมา คินูโยะซังไปเจอต้นแอปเปิ้ล!!
เลยชี้ให้เราดู  เราตื่นเต้นใหญ่เลยค่ะ คุณผู้ชม เกิดมาไม่เคยเห็นต้นแอปเปิ้ล
วันนี้ได้เห็นของจริงแล้ว

แถ่แด๊นนน!!!! ต้นแอปเปิ้ลลลล !!!!!!!! ^___^


ออกลูกเต็มต้นเลย  มาดูใกล้ๆมั่ง


สีเขียวก็มี  เอ๊ะ! หรือว่ายังไม่สุก 55555+


เดินเล่นมาเรื่อยๆก็มาเจอ"ทุ่งดอกลาเวนเดอร์" (แบบมินิ)
มีความโลกสวยขึ้นมาทันใด ฮ่าๆๆ


ถ่ายรูปตรงนี้เสร็จ คินูโยะซังจะพาไปเที่ยวดูแกลลอรี่กันต่อ

ใบไม้เปลี่ยนตรงลานจอดรถ ^^



จากนั้นก็ไปเที่ยวแกลลอรี่กันต่อ ทางไปค่อนข้างลึกลับ เป็นแกลลอรี่ที่ค่อนข้างลึกลับ อยู่ในป่าโน่นแน่ะ
แต่ก็ยังไม่คนหาเจอ น่าจะเป็นคนที่ชอบแนวๆนี้ ถึงจะรู้ว่ากลางป่าแบบนี้จะมีแกลลอรี่อยู่ด้วย

มาถึงแล้วเข้าไปด้านในกัน จะขายเป็นพวกเซรามิก แจกัน แอบดูราคาแพงมากเลยนะ หลายหมื่นเยน
ถ้าทำของเค้าแตกนี่  ไม่อยากจะคิด !! ><



เสร็จจากแกลอรี่ คินูโยะซังถามว่าอยากไปที่ไหนอีก เราบอกว่าอยากนั่งรถเล่นไปตามมาง cycling road เรื่อยๆ อยากรู้ว่าทางข้างหน้าจะเป็นยังไง  เพราะไปปั่นจักรยานช่วงเช้า ปั่นไปได้ไม่ไกลมาก เพราะกลัวกลับมาเข้างานไม่ทัน

แต่คินูโยะบอกว่าจะพาไปที่ๆนึง ที่ไม่ใช่ cycling road แล้วคินูโยะซังก็ขับรถพามาที่ที่นึง
นั่นคือ บ่อน้ำพุร้อนนั่นเอง!!

เราเคยถามว่าบ่อน้ำพุร้อนไกลมั้ย  อยากมีโมเมนท์ อากาศหนาวๆแล้วมาแช่เท้าที่บ่อน้ำพุร้อน
ถ้าขับรถมาไม่ไกล ประมาณ 4 กิโล แต่ถ้าปั่นจักรยานมาเอง ไกลแน่นอน ประมาณ 30 นาที
แถมเข้างานเช้าซะด้วย ไม่น่าจะทันเลย ปั่นไปไหนไม่ได้ไกลนอกจาก cycling road กับไร่วาซาบิ

เหมือนคินูโยะซัง จะจำได้ว่าเราอยากมาเที่ยวบ่อน้ำพุร้อน  ก็เลยพามาเที่ยวก่อนที่เราจะกลับโตเกียว (ใจดีจัง ^^ )

ถึงแล้วบ่อน้ำพุร้อน เข้าฟรีจ้า ไม่เสียตังค์



อยู่กลางป่าเลย ตอนนี้บ่ายสองกว่าๆ อากาศเย็นๆ บรรยากาศดี เงียบสงบมาก

ด้านข้างมีป้ายด้วยแต่อ่านไม่ออก เย่ !! 555+


มีคนญี่ปุ่นมานั่งแช่เท้าอยู่ก่อนหน้าเราประมาณ 2-3 คน
คินูโยะซัง เตรียมผ้าขนหนูมาให้เช็ดเท้า  เตรียมชาร้อนกับส้ม มาให้ทานด้วยระหว่างนั่งแช่เท้า^^


น้ำร้อนๆ สบายๆ ตรงพื้นในบ่อจะเป็นตุ่มๆ ขรุขระ เอาไว้เดินเหยียบ นวดฝ่าเท้าไปในตัว โอ้วเย

ตอนนี้นั่งแช่เท้าจิบชาร้อนกับทานส้ม ที่คินูโยะเตรียมมาให้ ^^


นั่งไปสักพักใหญ่ ถึงเวลาต้องกลับแล้ว เราบอกให้คินูโยซังไปส่งที่สถานีรถไฟ เพราะเราจะเล่นเน็ท
ติดต่อกับที่บ้าน + เช็คเฟสนิดหน่อย คิดๆแล้วก็ใจหาย พรุ่งนี้เช้าเราก็ต้องจากที่นี่ไปแล้วเหรอ
สนุกมากๆเลยนะ แม้จะมาอยู่ที่นี่เพียงแค่อาทิตย์เดียว มาคนเดียว ไม่มีใครรู้จัก แล้วก็ไม่รู้จักใคร

ทุกคนที่นี่ ดีกับยูมิจังมากๆเลยค่ะ โฮสต์ก็ดูแลดีเหมือนลูกคนนึงเลย นาโอเอะ กิ๊ฟซ่าจัง รวมถึงคุณยายที่เจอที่ cycling road น้องๆนักเรียนที่นี่  เวลาเราเจอเราชอบไปทักเค้า "คนนิจิวะ" ตลอดๆ
เมืองก็น่ารัก ถ้ากลับโตเกียวไป คงคิดถึง ถนนโล่งๆ ทาง cycling road ไร่วาซาบิ อาหารอร่อยๆฝีมือโฮสต์ อาทิตย์เดียว แต่เต็มไปด้วยประสบการณ์และความทรงจำมากมาย


เล่นเน็ทเสร็จ เราก็เดินกลับบ้าน ความจริงแล้วคินูโยะซังบอกให้ไปเอาจักรยานที่ร้านมาปั่นกลับบ้านได้
แต่เราเกรงใจ ถ้าเรากลับโตเกียววันพรุ่งนี้ คินูโยะซังก็ต้องเอาจักรยานกลับมาไว้ที่ร้านเอง
วันนี้เราเลยเดินกลับ ฟ้าใกล้จะมืดแต่ยังไม่อยากเข้าบ้าน เดินเลยต่อไปที่ cycling road (บอกแล้วว่าชอบทาง cycling road มากๆ ) ไปสั่งลาซะหน่อย อากาศก็หนาวมาก คนก้ไม่มี นานๆมีรถผ่านมาคันนึง
ฉันมองไปรอบๆ คิดว่าต้องกลับแล้ว มันหมดเวลาแล้ว  ว่าจะไม่ร้องแล้ว เพราะเมื่อวานก็ร้องไปแล้ว

วันนี้ก็มาร้องไห้อีก  คือใจหายอ่ะ T___T
cycling road ...พรุ่งนี้ยูมิจังจะกลับแล้วนะ  ไม่ได้มาปั่นจักรยาน โดดเซลฟี่ ถ่ายรูปอีกแล้วนะ แง T^T


เดินวนไปวนมา น้ำตาไหลพรากๆอยู่คนเดียว จนเริ่มค่ำ
เลยกลับบ้านไปอาบน้ำ กินข้าว หลังทานข้าวเสร็จ คินูโยะซังให้สมุดมา เขียนความประทับใจ
ฟีลประมาณเฟรนด์ชิพ อะไรประมาณนี้ ตายละ! ไม่ค่อยได้เขียนภาษาอังกฤษเท่าไหร่
แกรมม่าร์บอกได้เลยว่า ความเป๊ะ! อยู่ตรงไหน ฮ่าๆ

ในสมุดมี WWOOF หลายชาติเลย ออสเตรเลีย ไต้หวัน ฮ่องกง ก่อนหน้าเราก็มีคนไทยมาด้วยนะ
เป็นผู้หญิงมาคนเดียวเหมือนกัน  ถามคินูโยะซัง เห็นบอกว่าที่นี่มี wwoofer มาประมาณ 20 กว่าคน
ถือว่าเยอะเหมือนกันนะ

ขอบคุณมากๆจริงๆค่ะ ที่ดูแล ให้ความช่วยเหลือ ทำอาหารอร่อยๆให้ทาน
วันนี้ก็พาไปเที่ยวอีก งานก็เลยไม่ได้ทำ ใจดีกับยูมิจังมากๆเลยค่ะ  มาWWOOFที่นี่ได้ประสบการณ์ที่ดีมากๆเลย

"อาริกาโตะโกไซมัสค่าา" -/\-


เขียนไดอารี่เสร็จก็เก็บของ เตรียมกลับโตเกียววันพรุ่งนี้เช้า ความจริงฮิโรชิซังบอกว่าอยู่เที่ยวก่อนก็ได้ ค่อยกลับ เพราะพรุ่งนี้ร้านปิดวันพฤหัสอยู่แล้ว แต่เราบอกว่าจะกลับแต่เช้าเลย เพราะไม่อยากไปถึงโตเกียวตอนค่ำ โอ้โห ใจดีสุดๆ ที่สุดแล้วจริงๆ (ปลื้ม ^^ )

นอนก่อน พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า คินูโยะซังจะไปส่งขึ้นรถ

หวังว่าคงไม่ร้องไห้นะอีกนะ ..ยูมิจัง

โปรดติดตามตอนต่อไป Back to Tokyo >> http://arrowinjapan.blogspot.com/2016/12/back-to-tokyo.html