EP.3.1 around Tokyo (1)

EP.3.1 around Tokyo (1)

วันเสาร์ที่ 28 กุมภา เราตื่นเช้ามาก ตีห้ากว่าๆ ฟ้ายังไม่ค่อยสว่างเท่าไหร่ วันนี้เราเปลี่ยนแผน ความจริงต้องไปเล่นหิมะที่ Kawaguchiko แต่พยากรณ์อากาศบอกว่าวันนี้อากาศดีมาก แต่!! จะมีหิมะตกคืนนี้ ยาวไปจนถึงเช้าวันอาทิตย์  เราเปลี่ยนแผนไปKawaguchiko วันพรุ่งนี้ แล้วเอาโปรแกรมทัวร์ของวันอาทิตย์มาไว้วันนี้แทน วันนี้จะไปเที่ยวรอบๆโตเกียว จะเก็บหมดทุกที่มั้ย ต้องไปดูกัน : )
คิวแรกคือรีบไปยกเลิกตั๋วรถบัสที่จองไว้วันนี้ก่อน  รถออก 08.40 . หกโมงเช้าเราเดินออกมาคนเดียว ไม่มีคนเลย แต่ไม่น่ากลัว ลมพัดมาหนาวมากๆ เราแทบจะครองถนนนากามิเสะ เดินมาคนเดียว ร้านค้ายังไม่เปิด เดินมาจนถึงโคมแดงหน้าวัด ไม่มีคนเลยแฮะ อยากถ่ายรูป มองไปเห็นตำรวจญี่ปุ่นคนนึงยืนอยู่ริมถนน อยากให้เค้าถ่ายให้แต่เกรงใจ ยังไม่ทันได้อ้าปาก ก็มีรถตำรวจมารับเค้าไปแล้ว  สักพักมีหนุ่มญี่ปุ่นเดินมาคนเดียว ฮี่ๆๆ ได้เรื่องละ
เรา : ซูมิมาเซน (ยิ้มสยาม ยื่นกล้องให้ ชี้ๆตรงชัตเตอร์ แล้วชี้ๆตรงโคมแดง)
หนุ่มญี่ปุ่น : #$^$%&^*())$ (พูดภาษาญี่ปุ่น) หยิบกล้องไปถ่ายให้ แล้วเค้าก็นับ นัน-โน-เนะ
ประมาณนี้ น่าจะพูดประมาณว่า 1-2-3 ประมาณนี้มั้ง  น่ารักอ่ะ !!  จัดไป 4-5 ช็อต เช็ครูปจนพอใจ เราก็อาลิกาโตะเค้าตามระเบียบ อยากถ่ายเยอะกว่านี้ แต่กลัวเค้ารีบไปทำงาน  เดินมุดลงใต้ดินค่อยอุ่นขึ้นหน่อย นั่งยาวๆไปShinjuku ไปยกเลิกตั๋วของวันนี้ แล้วเปลี่ยนตั๋วเป็นวันพรุ่งนี้ เจ้าหน้าที่บอกว่า ตั๋วของวันพรุ่งนี้ ยูต้องไปซื้อที่ชั้น2 แต่จะเปิดตอน 9 โมง ตอนนี้เพิ่งเจ็ดโมงกว่าๆ ยังไม่แปดโมงเลย ก็เลยจะไปเดินเล่นนี่อื่นก่อนค่อยกลับมาซื้อตั๋วตอน9โมง

ไปไหนดีล่ะ?

หยิบแผนที่subwayขึ้นมาดู  สถานีShinjuku เชื่อมกับsubway สายToei ไปลงสถานี Akabanebashi ได้  ไม่ไกลมาก ก็เลยจะไปถ่ายรูปกับTokyo tower ก่อน เป็นหอคอยสีส้มๆ ดูปุ๊บรู้เลยว่าที่นี่โตเกียว เราชอบTokyo Tower มากกว่า Tokyo sky tree นะ ไปหาTokyo Towerดีกว่า ลงไปใต้ดิน ยังเช้าอยู่ งงๆหน่อย ง่วงๆหนาวๆ (ตกลงแกตื่นรึยัง ฮ่าๆ) เรานั่งรถไฟผิดฝั่ง ไปยืนผิดplatform เห็นรถไฟมาก็โดดขึ้นเลยจ้า รู้ตัวอีกตอนประกาศในรถไฟ มันคนละทางกับที่เราจะไป เราก็เฮ้ย! โดดลงดิ เดี๋ยวจะยาว ฮ่าๆ ตั้งสติลูก จูนก่อน จูนๆ ดูป้ายดีๆ แล้วไปนั่งกลับไปใหม่ โอเคถูกทาง  ฮ่าๆ (ที่ซื้อบัตรรถไฟฟ้าแบบเหมาเพราะงี้แหละ ถ้าหลงก็นั่งกลับไปกลับมาได้)
ถึงละสถานี Akabanebashi  ไปTokyo Tower ให้ออก Exit Akabanebashi ตามป้ายไปเลย

 โผล่ขึ้นมาเป็นแบบนี้ ที่เลือกมาลงสถานีนี้เพราะว่า เป็นสถานีที่โผล่ขึ้นมา จะเจอTokyo Towerเลย โผล่มาเป็นงี้  Tokyo Towerอยู่ไหนล่ะ

 เขยิบมาทางขวาแค่2ก้าว จะเป็นแบบนี้  เจอแล้ว Tokyo Tower !!!

ยังเช้าอยู่เป็นเช้าวันเสาร์ซะด้วย ไม่ค่อยมีคน อยากถ่ายรูปจัง มีคุณลุงญี่ปุ่น สะพายกล้องอยู่ตรงหัวมุมถนนพอดี เลยให้คุณลุงถ่ายให้ ได้ช็อตงามๆหลายช็อตเลย ว่ากันว่าเทคนิคในการเลือกคนถ่ายรูปให้เรา ให้เลือกคนที่สะพายกล้องตัวใหญ่ๆ เพราะเค้าเล่นกล้องน่าจะถ่ายรูปเป็น ถ่ายรูปสวย หามุมสวยๆได้ จัดไปจนเราพอใจ อยากถ่ายเยอะๆแต่เกรงใจ (หลายช็อตนี่คือเกรงใจ ฮ่าๆ) อาลิกาโตะคุณลุงค่า  เดินๆไปดูTokyo Tower ยังเช้าอยู่ รถแทบไม่มี ถนนโล่งมาก 

ข้ามถนนที่ญี่ปุ่นรอสัญญาณไฟก่อนนะ เสียงสัญญาณไฟที่ญี่ปุ่นจะดัง พิ่วๆๆ เหมือนเสียงคนผิวปากประมาณนี้ มาวันแรกยังงงๆ นึกว่าเสียงนกที่ไหน พิ่วๆๆๆ ฮ่าๆๆ แต่ที่ฮ่องกงจะดังติ๊กๆๆๆๆ” 


ถนนที่ญี่ปุ่นดีมาก เรียบมาก มีทางจักรยานด้วย 


 เดินลัดสวนไปหาTokyo Tower  ยาวไปๆ




ถ่ายรูปTokyo Tower จนพอใจ เดี๋ยวตอนเย็นมาถ่ายใหม่ รอดูตอนเปิดไฟสีส้ม ชอบTokyo Towerมาก ไม่รู้ทำไม : ) เดินย้อนกลับมาทางเดิมเพื่อลงรถไฟใต้ดิน มีเรากับคุณลุงคนนึงเดินจูงน้องหมามาด้วย กำลังข้ามถนน มีรถเบนซ์คันนึงเลี้ยวมาพอดี เค้าหยุดรถให้เลยอ่ะ!!  สุดยอด ! รถเกรงใจคนมากๆ นอกจากสิงคโปร์ก็เห็นที่โตเกียวนี่แหละ ที่รู้สึกว่ามาแล้วจะไม่โดนรถชนตายที่นี่แน่นอน !! โปรแกรมต่อไปคือ ไปถ่ายรูปกับแมงมุมยักษ์ ที่ Roppongi เดินวนๆอยู่นาน ถ้าเป็นสาย Toei ไม่รู้ออกexitไหน เลยวนเข้าไปสถานี Metro ถ้านั่งmetroมา จะออก exit 1C จะเจอบันไดเลื่อนยาวๆ แบบนี้


โผล่ขึ้นมาเจอเลยแมงมุมยักษ์  อากาศดีมากและลมแรงมาก โตเกียวหนาวมาก ไม่มีใครเดินผ่านมาทางเราเลย ไม่มีคนถ่ายรูปให้

 เลยจัดเซลฟี่เองเลย 20 ช็อท รัวๆ อิอิ มีดอกไม้ด้วยสวยจัง


9โมงเรากลับไปที่Shinjuku อีกครั้ง เพื่อซื้อตั๋วไปKawaguchikoวันพรุ่งนี้ เดินขึ้นไปชั้นสอง ไม่มีคนเลย คงเช้าอยู่ มีแค่คุณลุงเจ้าหน้าที่ขายตั๋ว ลุงเจ้าหน้าที่พูดภาษาอังกฤษได้ บอกชื่อ เลือกวันเวลา แล้วก็จ่ายตังค์ ค่าตั๋วไปKawaguchiko เที่ยวละ 1750 เยน ไป-กลับก็ 3500 เยน ได้ตั๋วแล้ว สถานีต่อไปคือ ศาลเจ้าเมจิ ที่ Harajuku ไปขอพรที่ศาลเจ้ากัน จาก Shinjuku > Shinjuku sanchome > Meiji-Jingumae  ที่อ่านมา ให้ออก exit 2 เราก็เดินโผล่ขึ้นมา แต่ไม่เห็นว่ามีตรงไหนจะเป็นทางเข้าศาลเจ้าเลย เห็นแต่ตึก เลยไม่ชัวร์ ออกทางนี่ป่าว ไม่รู้จะถามใคร มุดลงใต้ดินไปใหม่ ไปsearch ในgoogleแป๊บ  ใน subway ที่โตเกียวมี Free-wifi เร็วและแรง เล่นได้ประมาณ15นาที (มั้ง ) เพราะเราเล่นแค่แป๊บเดียว (วิธีใช้คือเปิดWi-fi แล้วจับสัญญาณ Tokyo-Metro จะให้เราใส่ E-mail แล้วก็กด accept ไปเรื่อยๆ ก็เล่นได้แล้ว ไม่ถงไม่ถามpasswordซักคำ  ดีจังเลย)  ดูในเน็ทก็บอกให้ออก Exit2 นะ เลยเดินขึ้นมาใหม่ ก็ยังไม่รู้จะเดินไปทางไหน เลยถามกลุ่มน้องผู้หญิงญี่ปุ่น ยืนคุยกันสามคนข้างๆเรา
เรา : ซูมิมาเซน (เอารูปศาลเจ้าเมจิในโทรศัพท์ให้ดู)
น้องกลุ่มนี้พูดอังกฤษได้นิดหน่อย แล้วก็ปรึกษากันเป็นภาษาญี่ปุ่น ประมาณว่าศาลเจ้าอยู่ไหน คนนึงชี้ไปทางซ้าย อีกคนชี้ไปทางขวา เราก็งงสิ จนสุดท้าย น้องกวักมือเรา พาไปดูแผนที่ ปรากฏว่า  ทางเข้าศาลเจ้าอยู่ด้านหลังตรงที่พวกเรายืนอยู่นี่เอง ฮ่าๆ น้องมีน้ำใจมาก ไม่ทิ้งเรา ช่วยเต็มที่ เราก็อาลิกาโตะขอบคุณน้องๆ

เดินเข้ามาจะเป็นถนนก้อนกรวด สองข้างทางเป็นต้นไม่ใหญ่ร่มรื่นมากๆ ลมก็พัดหนาวมากๆ  ไม่คิดว่าในโตเกียวจะมีต้นไม้เยอะขนาดนี้ เป็นป่าเลยก็ว่าได้ ทางเดินเข้าศาลเจ้าค่อนข้างไกล แต่วันนี้อากาศดีมากๆเดินชิวๆ นักท่องเที่ยวเยอะเหมือนกัน ถ้าเดินคนเดียวคงจะหลอนมิใช่น้อยนะเนี่ย > <

เดินมาเรื่อยๆ จนถึงทางเข้า แสดงความเคารพด้วยการล้างมือและบ้วนปากตรงนี้


 เดินเข้าด้านในจะมีแผ่นป้ายขอพร แขวนอยู่ใต้ต้นไม้


 เลยเดินไปซื้อที่ซุ้มด้านข้าง แผ่นละ 500 เยน ได้มาแล้ว


เขียนขอพรกัน ให้ทายว่าเราขอพรว่าอะไร อิอิ ของเราแขวนไว้ไหนน๊า มีหลายภาษา ทั้งญี่ปุ่น อังกฤษ จีน เกาหลี รวมถึงภาษาไทย

เขียนเสร็จแล้ว เราเดินขึ้นไปบนอาคารหลักของศาลเจ้า อ่านมาคร่าวๆ เหมือนต้องโยนเหรียญเข้าไปในรางไม้ แล้วก็ตบมือ แล้วก็โค้งคำนับประมาณนี้ เห็นป้ายแปะว่าห้ามถ่ายรูป เลยไม่ได้ถ่ายตรงนี้มา มีรูปกับภาษาอังกฤษแปะอยู่ว่าให้ทำความเคารพยังไง เราแปลไม่ออก ฮ่าๆ เลยยืนดูคนข้างๆว่าเค้าทำยังไง ขั้นตอนคือ โยนเหรียญ 1 ครั้ง ตามด้วยโค้งคำนับ2ครั้ง ตบมือ2ครั้ง ขอพร และก้มโค้ง1ครั้ง เป็นอันเสร็จพิธี ขอพรเรียบร้อยแล้ว ใกล้จะเที่ยงแล้ว โห เร็วจัง ออกมาตั้งแต่6โมงเช้า ว่าจะไปกินเครปที่ ถนน Takeshita อ่านว่า (ทาเคชิตะ) เป็นเราคงอ่านว่า เทค-ชิ-ตะ ฮ่าๆ (ไม่มีเซนท์ความเป็นญี่ปุ่นเล้ย ) ไม่ไปกินเครปละ มีคิวชอปปิ้งต่อที่ ยูโน่ (Ueno) อ่านว่า อุเอโนะ  นะทุกคน : )



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น