EP.3.2 around Tokyo (2)
เรานั่งรถไฟมาลง Ueno (อุเอโนะ)
ในหัวก็คิดไปด้วยว่า วันจันทร์จะกลับสนามบินยังไง
บัตรmetro ก็ใช้ได้ถึงแค่วันอาทิตย์ คงต้องไปตีกันกับตู้ขายตั๋วที่สถานี
(เคยไปหยอดตู้กดตั๋วที่ MRT แต่กดแล้วตั๋วไม่ออก
(หรือเราทำไม่เป็น) คนข้างหลังก็ต่อคิวรอ
เลยเดินออกมาไม่ซื้อกับตู้แล้ว ไปซื้อกับคนขายแทน
ก็เลยฝังใจถ้าเลี่ยงซื้อกับตู้ได้ก็จะเลี่ยง ฮ่าๆ) Ueno เป็นสถานีใหญ่รถไฟจากสนามบิน
หรือจะไปต่างจังหวัดก็มาขึ้นที่นี่ได้ วันกลับเราคิดจะว่าจะนั่ง รถไฟKeisei
skyliner กลับสนามบิน นั่งยิงยาวจากUeno ไปNarita
ได้เลยไม่ต้องเปลี่ยนขบวน ก็ดีนะ ไม่หลง แต่แพง แพงก็นั่ง
ดีกว่าตกเครื่องไม่มีตังค์ซื้อตั๋วใหม่บินกลับไทย เดินไปดูเคาท์เตอร์ขายตั๋วของKeisei
เรียบร้อย เที่ยงกว่าแล้วยังไมได้กินอะไรเลย เลยเดินเข้าFamily
mart ซื้อโดนัทกับน้ำเปล่า (ยี่ห้อเดิม
ไม่กล้ากินยี่ห้ออื่น กลัวไม่ใช่น้ำเปล่า ฮ่าๆ)
กินประทังชีวิต ไปก่อน เราจะไปเดินตลาด Ameyoko เป็นแหล่งขายของฝาก
ขนม รองเท้า ไม่รู้ออกทางไหนเลยถามเจ้าหน้าที่สถานี
เรา : Ameyoko?
จนท. : (พาเดินไปทางขึ้น) up and turn left.
เรา : อาลิกาโตะ (ยิ้มสยาม 1 ที)
โผล่มาเป็นงี้
โผล่มาเป็นงี้
ข้ามถนนไปเลย
เจอแล้ว Ameyoko
ถนนสะอาดดี คนเยอะแต่แทบไม่เห็นพวกขยะ
ถุงพลาสติกเลย ได้ขนมมาเต็มเลย ซื้อไปฝากแฟนเพลงของเราที่เมืองไทยด้วย อิอิ
ได้ร่มพับอันใหม่จากญี่ปุ่น อ่านเจอ เค้าบอกว่ามาญี่ปุ่นต้องซื้อร่ม
เพราะร่มที่ญี่ปุ่นจะค่อนข้างแข็งแรง กันลมได้ดี ไม่หักไม่งอไรงี้ ก็เลยได้ร่มพับมา1อัน ถนนนากามิเสะที่Asakusaก็มีขายแต่เราไม่ค่อยชอบ
ไม่ค่อยมีน่ารักๆไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่ หนักขนมมาก
เลยจะกลับเอาของไปเก็บที่ห้องก่อน
ขากลับเดินผ่านร้านขายผลไม้ มีสตรอเบอรี่ลูกโตๆเสียบไม้
แคนตาลูปไรงี้ เค้าจะเสียบไม้นะ ไม่ใส่ถุง แคนตาลูปไม้ละ100เยน
มาถึงญี่ปุ่นขอกินสตรอเบอรี่หน่อยละกัน ลูกโตๆอวบๆ3ลูก เสียบไม้เรียงกัน
ไม้ละ200เยน จัดไป ได้มาไม้นึงยืนกินหน้าร้าน
พริกเกลือไม่มีนะ ก็ดีนะในแง่ของขยะ
ไม่เปลืองถุง กินเสร็จก็ทิ้งไม้ มีถังขยะสี่เหลี่ยมเล็กๆวางอยู่หน้าร้าน
เดินแบกขนมมุดลงใต้ดิน
ญี่ปุ่นเค้าจริงจังกับการแยกขยะมาก อันนี้เรารู้ เราเรียนมา (วิชานี้ได้ D+ ..แล้วแกจะบอกเกรดทำไมเนี่ย
อายเค้ามั้ย ฮ่าๆ) คือหน้าร้านสะดวกซื้อ
สนามบิน ตามสถานีรถไฟใต้ดินเค้าจะมีถังขยะประมาณนี้
แยกขวด/พลาสติก/กระดาษ/อื่นๆ ประมาณนี้ อย่างอันนี้อยู่ที่สถานีUeno
ถังแรกจะเป็นพวกขวด/กระป๋อง ถังสองเป็นพวกพลาสติก
ถังสามเป็นหนังสือพิมพ์/แม็กกาซีน มีผู้หญิงคนนึงเอาแม็กกาซีนมาทิ้ง ลองมองดูในถังเค้าก็ทิ้งแยกจริงๆนะ
ไม่มั่วไม่ปนกัน ขวดก็ขวด กระดาษก็กระดาษ
นั่งแป๊บเดียวมาถึงAsakusa โผล่ผิดทาง มาเจอวิวนี้แทน เป็นTokyo
sky tree กับ ตึกเบียร์Asahi เห็นเหลืองๆคือก้อนฟองเบียร์นะ อยากเดินไปถ่ายรูปแต่หนักขนม เลยไม่ไปละ
ตอนเย็นจะไปรอถ่ายรูปTokyo Tower ชอบจริงไรจริง
เดินผ่านถนนนากามิเสะ ช่างต่างจากตอนเช้าที่เราเดินออกมา
นักท่องเที่ยวเต็มไปหมด ร้านซาลาเปาทอดขายดีมาก
เราไปจัดมาอีกละ2ลูก มาสองวันละ เดินผ่านทุกวันแต่ยังไม่ได้ขอพร
เสี่ยงเซียมซีเลย เดี๋ยวเอาของไปเก็บจะออกมาเสี่ยงเซียมซี
4โมงเย็นแล้ว
เร็วมากๆ คนเยอะมากๆ เรามากวักควันธูปเข้าหาตัว ตรงกระถางธูปตรงนี้
ว่ากันว่าจะทำให้โชคดี หายจากโรคภัยไข้เจ็บ
บ้างก็บอกว่าถ้ากวักควันธูปเข้าหาตัวจะได้กลับมาญี่ปุ่นอีก (เรานี่กวักใหญ่เลย
จะได้มาญี่ปุ่นอีก)
แล้วก็ขึ้นไปด้านบนอาคารเพื่อสักการะเจ้าแม่กวนอิม
แล้วก็เสี่ยงเซียมซี กระบอกเซียมซีญี่ปุ่นเป็นกระบอกเหล็ก
ปิดหัวปิดท้ายแล้วเจาะรูตรงท้าย เขย่าขึ้นลงให้ไม้หล่นออกมา ไม้หล่นออกมา
เป็นภาษาญี่ปุ่น ไม่มีเลข น้ำตาจะไหล ได้เบอร์อะไรเนี่ย?? มีสาวญี่ปุ่นใจดียืนอยู่ข้างหลังเรา
เค้าดูให้ แล้วก็หยิบใบเซียมซีให้ ใบเซียมซีมีคำแปลภาษาอังกฤษ เสี่ยงเซียมซีหยอดตังค์ด้วย
100 เยน ของเราได้ใบดีก็ให้เก็บไว้กับตัว
ถ้าได้ใบไม่ดีจะมีราว แล้วก็เอาใบเซียมซีไปผูกไว้ ความโชคไม่ดีจะได้ไม่ตามเราไป
คิวต่อไป
รีบไปAkihabara อยู่ไม่ไกลจากAsakusa เรามาญี่ปุ่น
อยากได้ไม้กลอง made in Japan หาในเน็ทมีร้านขายเครื่องดนตรีอยู่ร้านนึงแถวAkiba
(Akihabara เรียกสั้นๆว่า Akiba) ชื่อร้านMusic
vox ร้านค่อนข้างใหญ่ มี8ชั้น ต้องมีไม้กลองขายชัวร์
ลงAkihabara โผล่มาเป็นแบบนี้
ย่านนี้เค้าจะขายพวกเครื่องใช้ไฟฟ้า โมเดล เกม การ์ตูน โผล่มาไม่เจอร้า Music vox เลยเดินวนๆแถวสถานีรถไฟ
ไปเจอห้างนี้ Yodobashi
เลยเข้าไปดูหน่อยเพราะสาขาที่Shinjukuไม่ได้เข้าไปดู มีประชาสัมพันธ์อยู่ตรงประตูทางเข้า เลยไปถามเค้า
เรา : I want drumstick. (ทำท่าตีกลอง)
ประชาสัมพันธ์
: (หยิบโบรชัวร์ให้ดู ชี้ว่าชั้น 6 มี ร้านขายเครื่องดนตรี) 6floor
เรา : (ดีใจใหญ่เลย มีขายด้วย เย่!! ) อาลิกาโตะ
ข้างๆมีลิฟท์
มีคนกำลังรอขึ้นลิฟท์ อยู่ตั้งชั้น6
เลยขึ้นลิฟท์ละกัน ตอนแรกคิดว่าห้างนี้ไม่มีบันไดเลื่อนเหรอ
เพราะคนรอขึ้นลิฟท์เยอะ เราก็ขึ้นไปกะเค้า มาถึงชั้น6 เจอโซนที่เค้าขายพวกเปียโน
คีย์บอร์ดไรงี้
มีไม้กลองขายด้วยแต่ไม่มียี่ห้อที่เราอยากได้ เลยยังไม่ซื้อ
จะค่ำแล้ว เดี๋ยวแสงจะหมดก่อน รอไปถ่ายรูปTokyo
Tower ตอนกลางคืน ไฟสีส้มในตำนาน ต้องไปเห็นกับตา จากAkihabara
ไปลง Kamiyacho ลงปั๊บ เดินตามป้ายออกมาเลย(จำไม่ได้ว่าexitไหน)
โผล่ขึ้นมาเลี้ยวซ้าย เดินตรงมาเรื่อยๆ มองหอยอดTokyo Tower จะอยู่ฝั่งซ้ายมือ
เจอยอดละ เดินขึ้นสะพานลอยไปถ่ายรูป
เดินตรงไปอีกเจอแล้ว
ไม่อาจละสายตา
ถ่ายอีก
สวยจัง
อากาศหนาว ยืนดูTokyo tower ใครที่เลี้ยวมาแล้วเจอแบบเรา ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปทั้งนั้น: )
หกโมงครึ่งมืดแล้ว
หนาวด้วย เมื่อยด้วย กลับAsakusaดีกว่า พรุ่งนี้ไปลุ้นกันว่าจะได้เล่นหิมะมั้ย?
มื้อเย็นกินแมคที่เดิม จะกลับที่พักเดินผ่านวัดSensoji เรายกมือไหว้ขอพรบอกว่า”ขอให้พรุ่งนี้หนูได้เล่นหิมะด้วยนะคะ” เดินเข้ามาเจอมูทู คุยโทรศัพท์อยู่หน้าลิฟท์ เมื่อวานก็เจอ เหมือนมูทูจะอยู่โฮสเทลตลอดเลย
บางทีก็สงสัยว่ายูไม่ออกไปเที่ยวเหรอ? (แล้วไปยุ่งอะไรกะเค้าเนี่ย
ฮ่าๆ)
กลับถึงห้อง มีเพื่อนใหม่มาพักเตียงบนตรงข้ามกับเรา เป็นสาวญี่ปุ่น ตอนแรกงง ทำไมไม่นอนบ้านตัวเอง อ๋อ เค้าเพิ่งมาจากสนามบินเพิ่งมาจากอเมริกา เลยแวะเที่ยวโตเกียวก่อนค่อยนั่งบัสกลับบ้านที่ต่างจังหวัด ตอนแรกดีใจนึกว่าจะมีเพื่อนนั่งรถไฟกลับสนามบินด้วยกันแล้ว ลืมถามชื่อ ขอเรียกว่า อายูมิ ละกันนะ อายูมิ เป็นวัยรุ่นญี่ปุ่น น่าจะ20ต้นๆ พูดอังกฤษปนญี่ปุ่น ถ้าอายูมินึกอังกฤษไม่ออกจะพูดญี่ปุ่นใส่เรารัวๆเลย เราหาร้านขายไม้กลองไม่เจอเลยเอาเว็บ ที่มีแผนที่ร้านแคปมาจากในเน็ท เอาให้อายูมิแปลให้ เว็บเป็นภาษาญี่ปุ่น ชั้น1-2 ขายกีต้าร์ ชั้น3 ขายกลอง เราก็ แอร๊ยย!! ดีใจ มีไม้กลองขายชัวร์ ดูจากแผนที่ อายูมิบอกว่า ยูออกmetro exit 2 เลี้ยวซ้าย แล้วก็เลี้ยวขวาแยกแรก ร้านจะอยู่แถวๆFamily mart เราก็โอเค เข้าใจเดี๋ยวพรุ่งนี้ไปหาไม้กลองหลังกลับจากKawaguchiko อายูมิถามว่าเรามาจากไหน เราให้อายูมิทาย อายูมิบอกว่าเราเป็นคนอินโด ทายไปทายมากว่าจะทายถูกว่า ไทยแลนด์ ฮ่าๆ อายูมิบอกว่าเราไม่เหมือนคนทำงาน อายูมิบอกว่าเราเหมือนเด็กมหาลัยมากกว่า เพราะเห็นเราพูดไปแล้วชอบทำไม้ทำมือไปด้วย เหมือนเด็ก alert (จริงๆไอนึกศัพท์ไม่ออกนะอายูมิ ฮ่าๆ) แล้วอายูมิก็ชวนเราไปข้างนอก แต่ไม่เข้าใจที่อายูมิพูดเท่าไหร่ เห็นเอาเป้ไปด้วย เรางง สามทุ่มยังจะออกไปอยู่เหรอ? แต่ไม่รู้ว่าอายูมิออกไปไหนอีก เราบอกว่า เราเหนื่อยเราจะอาบน้ำแล้วก็นอน พรุ่งนี้ไอจะไปเล่นหิมะนอกเมือง อายูมิออกไปแล้ว เหลือแต่เรา อาบน้ำ สระผม ดูพยากรณ์อากาศ ครุ่นคิด บินมาตั้งไกล
ค่าตั๋วนี่ทุ่มสุดตัว จะไม่ตกลงมาให้เห็นเลยเหรอ หิมะ!! > <
แล้วเอนรี่กับซาร่า(แฟนเพลงชาวนอร์เวย์ของเรา)ก็กลับมา
เอนรี่
: ยูเห็นหิมะมั้ย?
เรา : ไม่
วันนี้ไอไม่ได้ไปKawaguchiko ไอเปลี่ยนแผน
วันนี้ไปเปลี่ยนตั๋วมา ไอจะไปพรุ่งนี้แทน
เพราะพยากรณ์บอกว่าวันนี้อากาศดี แต่จะมีหิมะตกคืนนี้ไปจนถึงเช้า
แล้วก็เปลี่ยนเป็นฝนตกทั้งวัน
เอนรี่
: อ๋อ พรุ่งนี้ที่โตเกียวก็ฝนตกทั้งวันเหมือนกัน
เดินเที่ยวไม่สนุกแน่ๆ เปียกแน่ แล้วยูรู้มั้ยว่าที่Kawaguchiko อุณหภูมิเท่าไหร่?
เรา : ในเว็บบอกว่า 1 องศา
เอนรี่ : 1องศาเหรอ? ถ้า 1องศาหิมะจะตกนะ
เรา : จริงเหรอ? ขอให้ตกลงมาเยอะๆเลย (สาธุ) ไอดูคลิปวิธีปั้นsnow man ในyoutube
ไอจะไปปั้นsnow man ฮี่ๆๆ
เอนรี่ : ขอให้หิมะตกลงมาเยอะๆนะ
เรา : ไอก็หวังอย่างงั้น ตกลงมาเยอะๆเล้ย (ยิ้มอย่างมีความหวัง ฮี่ๆๆ)
เอนรี่
: แล้ววันนี้ยูไปไหนมาบ้าง?
เรา : อ๋อ ไอไปชอปปิ้งแทน
เอนรี่ : ยูซื้ออะไรมาบ้าง?
เรา : (ชี้ไปที่ถุงขนมที่แบกมาจากUeno) ก็พวกขนม คิทแคท ป๊อกกี้
ไอซื้อไปฝากที่บ้าน ฝากเพื่อนๆ(แล้วก็แฟนเพลงที่เมืองไทยของไอ
ฮ่าๆ)
เอนรี่
(ท่าทางอึ้งกับขนมว่าซื้อกลับไปเยอะขนาดนี้เลยเหรอ? ฮ่าๆ)
ดูเหมือนว่าฝรั่งเค้าไม่ซื้อของฝากกันเท่าไหร่นะ เช่นตอนไปกระบี่ก็เห็นแต่คนไทยนะหิ้วถุงของฝากขึ้นเครื่อง ฝรั่งเค้าเดินตัวปลิวแบกเป้ชิวมาก
สำหรับเราการซื้อของฝากมันเป็นความสุขอย่างนึง เพื่อนเค้าไม่ได้มากับเรา แต่เราเห็นว่าแปลกดี
ที่ไทยไม่มี ก็อดไม่ได้ที่จะซื้อ ตอนแบกกลับ หนักมั้ย? หนัก! แต่คิดว่านานๆมาที
เรามีความสุขที่ได้ซื้อฝาก เราก็ซื้อ ไม่คิดอะไรมาก : ) เอาล่ะนอนๆ พรุ่งนี้จะได้ไป Kawaguchiko ละ ขอให้เจอหิมะ แบบกองข้างทางก็ดีใจแล้ว เพราะหลายเว็บบอกเหมือนกันหมดว่า
Rain 100% โอ๊ย!! เปลี่ยนฝนเป็นหิมะได้มั้ย
ฝนตกเคยเห็นแล้ว แต่หิมะยังไม่เคยจริงๆ
มาญี่ปุ่นเพื่อสิ่งนี้เลยนะเนี่ย > <
ไปเอาใจช่วยกันว่ามาญี่ปุ่นครั้งแรกเราจะได้เห็นหิมะมั้ย?
โปรดติดตามตอนต่อไป
>> EP.4.1
ตามหาหิมะที่ Kawaguchiko : ) คลิก>>http://arrowinjapan.blogspot.com/2015/04/ep41-kawaguchiko-1.html