EP.5 Bye bye Japan, I'll be back

EP.5 Bye bye Japan , I’ll be back

เช้าวันที่ 2 มีนา อากาศแจ่มใส ต่างจากเมื่อวานลิบลับ แดดอ่อนๆยามเช้า เราเช็คเอาท์คืนคีย์การ์ดออกมาตอนแปดโมงเช้า เดินผ่านวัดเซ็นโซจิ เช้านี้รู้สึกเหงาแฮะ ตอนเช้าคนยังไม่มาเที่ยว ร้านขายของยังไม่เปิด โห จะกลับแล้วเหรอ เป็น 3 วันในโตเกียวที่สนุกมาก เดินผ่านถนนเส้นนี้ทุกวัน ก็ผูกพันเป็นธรรมดา

อากาศแจ่มใส ท้องฟ้าสดใส

หันหลังกลับไปมอง

เดินตรงไป ผ่านถนนนากามิเสะ

บ๊ายบาย ร้านซาลาเปาทอด ว่าจะซื้อกินก่อนไปสนามบิน แต่เค้าเพิ่งเปิดร้านเลยอด

เดินผ่านจะมุดลงใต้ดิน ภาพสุดท้ายที่โตเกียว แดดจ้าเชียว บ๊ายบายโตเกียว บ๊ายบายญี่ปุ่น เราจะกลับมาอีก : )

ลงมาแล้ว สเต็ปต่อไปคือ ตบตีกับตู้ขายตั๋ว คือบัตร metro 3 วัน ใช้ไม่ได้แล้ว ต้องกดตู้  เคยมีประสบการณ์กดตั๋วจากตู้ที่MRT ที่กรุงเทพ แต่กดๆหยอดๆแล้วบัตรไม่ออก เกรงใจคนข้างหลัง เลยไม่กดแล้ว เดินออกจากตู้ไปซื้อที่เคาท์เตอร์แทน เลยฝังใจ ไม่รู้ตู้ที่นี่กดง่ายรึเปล่า เดี๋ยวไปลอง
ก็ไม่ยากนะ เราจะนั่งจาก Asakusa ไปลง Ueno ในแผนที่บอกว่าราคา 170 เยน

1. ดูว่าสถานีที่เราไปลงราคาเท่าไหร่ (ของเรา170เยน)
2. กดเปลี่ยนภาษาก่อน มีภาษาอังกฤษด้วย ใครอ่านญี่ปุ่นออก ก็สบายเลย
3. กดราคา  170 เยน
4.หยอดตังค์ หรือ ใส่แบงค์ ก็จัดไป เราหยอดไป170เยนพอดีเป๊ะ

5. ตั๋วเด้งออกมาแล้ว  เฮ้ยใช้ง่ายอ่ะ
ได้ตั๋วแล้วเย่  !! ไปUenoกัน
มาถึง Ueno แล้ว เดินไปเคาท์เตอร์ขายตั๋วของ Keisei Skyliner เป็นรถไฟด่วน เราจะนั่งอันนี้กลับสนามบินนาริตะ บอกเค้าว่าไปนาริตะ เจ้าหน้าที่จะกดตั๋วให้  ราคา 2470 เยน ในตั๋วจะเป็นแบบจองที่นั่ง

 ตอนนี้9โมงกว่า รถไฟจะมาตอน 9.20 . รีบลงบันไดเลื่อนไปรอดีกว่า
ลงมาแล้ว รถไฟยังไม่มา

สักพักรถไฟมาแล้วแต่ยังไม่เปิดประตูให้เราขึ้น ระหว่างรอเจอความอเมซิ่งอีกอย่างคือ ที่นั่งในรถไฟหมุนกลับทางได้ !!

โอ้ว อันนี้ไม่เคยเห็นจริงๆ ไม่รู้ที่ยุโรปมีรึเปล่า  ตอนแรกนึกว่าผีหลอก ฮ่าๆ เก้าอี้หมุนกลับจากฝั่งนึงหันมาทางฝั่งที่เราจะนั่งกลับสนามบิน 
จากUenoไปNatita ใช้เวลาเพียง 41 นาทีเท่านั้น เดี๋ยวมาลองกัน
จากในตั๋วเรานั่งตู้ที่ 2 ที่นั่ง 10D ติดหน้าต่าง

บรรยากาศภายในรถไฟ  สะอาด ที่นั่งกว้าง คือดีอ่ะ



เก้าอี้หมุนได้ด้วยอ่ะ เพิ่งเคยเห็น ฮ่าๆ



รีวิวแต่สายการบิน มารีวิวรถไฟมั่ง อิอ  กางโต๊ะด้านหน้าที่นั่งซิ



เอกสารด้านหน้า 

เช้าอยู่ยังไม่ค่อยมีคน วันนี้วันจันทร์ด้วย



ทางเดินบ้าง

ออกเดินทาง  บ๊ายบายโตเกียว  รถไฟนั่งสบายมาก วิ่งฉิวเลย



ตรงดิ่งมาถึงสนามบิน ถึงตรงเวลาเป๊ะ ขึ้นบันไดไปข้างบนกัน



บรรยากาศ Terminal2



ก่อนไปเช็คอิน ขอส่งโปสการ์ดก่อน  ไปรษณีย์อยู่ประมาณ Row B –C ค่าส่งโปสการ์ดกลับไทย 70 เยนจ้า

คือเท่าๆที่ไปมา เพิ่งเห็นไฟลท์บอร์ดสนามบินนาริตะคือใหญ่มาก  ชอบมากอ่ะ



จะบอกว่าไม่ค่อยได้ถ่ายรูปนะ คือ มือซ้ายถือเสื้อโค้ท ถอดออกแล้ว เราร้อน ฮ่าๆ ในสนามบินค่อนข้างอุ่น มือขวานี่ถือถุงขนมกับของฝาก    เข้าแถวรอเช็คอิน ได้boarding pass มา ขากลับนี่เหมือนเค้าบุคที่เดิมให้เรารึเปล่า ไม่แน่ใจ ได้ 5Aที่เดิม เราอยากดูฟูจิขากลับด้วย  ถ้าขากลับอยากดูฟูจิ ให้เลือกที่นั่งฝั่งขวานะ รอบนี้เราอด
ได้ boarding pass แล้ว ผ่าน ตม. ไปเกทกัน
ระหว่างทาง ก็อดไม่ได้ ขอถ่ายหน่อย


เหลือตังค์ 3000 เยนสุดท้าย กะว่าจะไม่ใช้  เจอ Royce กับคิทแคทฟูจิ เท่านั้นแหละ ซื้อดีกว่า ฮ่าๆ แถวหน้าเกทก็มีร้านขายขนม ของฝากนะ ซื้อที่นี่ก่อนขึ้นเครื่องกลับก็ได้ 

ไปละ  Take off Bye bye Japan  I’ll be back !!



ถึงไทย ทุ่มนึง  อย่างปลอดภัย เย่ !! 30องศา คืออะไร ฮ่าๆ ตัดสินใจไม่ผิดที่คืนนั้น ยอมลากตัวเองขึ้นเครื่องไปญี่ปุ่น  ฮ่าๆ  ทริปนี้สนุกมาก ได้อะไรหลายๆอย่างเลย ^^  

ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้นะ  แล้วพบกันใหม่จ้า สวัสดีค่ะ  : )

แถมๆ >> 30 ข้อเมื่อฉันไปเยือนโตเกียว  คลิก>>http://arrowinjapan.blogspot.com/2015/05/30.html

แวะไปคุยกันได้น๊าที่ >>> https://www.facebook.com/Journey-of-Arrow-1161356250559423/?fref=ts

EP.4.2 ตามหาหิมะที่ Kawaguchiko (2)

EP.4.2 ตามหาหิมะที่ Kawaguchiko (2)

นั่งรถออกมาพร้อมกับครอบครัวพี่ดารา จริงๆไม่ได้นั่งหรอก ยืนมา ฮ่าๆ เห็นเค้าคุยกันว่าจะลงป้ายที่17 music forest เราก็จะลงพร้อมเค้าเลยละกัน ถ้าไม่เจอหิมะค่อยไปหาใหม่ ฝนก็ตกไม่หยุด ทั้งเมืองเงียบมาก แทบไม่เจอคนท้องถิ่นเลย สงสัยฝนตกใครจะออกมาเดินเล่น ถ้าเปลี่ยนจากฝนเป็นหิมะตกนะ คงจะฟินมาก รถขับผ่านป้ายที่10 เป็นจุดขึ้นกระเช้าไปชมวิว แต่วันนี้ฝนตก ไม่รู้กระเช้าปิดรึเปล่า  ถ้าขึ้นไปคงไม่เห็นวิวอะไรแน่ แต่ที่แน่ๆเจอหิมะขาวๆ 1 กอง ตรงทางขึ้น ขับผ่านเลาะ ริมทะเลสาบมาเรื่อยๆ จนผ่านมาเห็นลานกว้างๆ ประมาณป้ายที่16  มีหิมะขาวๆกอง(เกือบ)เต็มลาน  กรี๊ด!!!!!!!!!!เยอะสุดเท่าที่เห็นมา ฉันจะมาเล่นหิมะตรงนี้แหละ !!!! แล้วพวกพี่ดาราก็กดกริ่งลง  เราก็เลยลงตามพี่เค้า  เจอหิมะ 1กอง กรี๊ด!!! ฝนก็ตกไม่หยุด มือนึงถือร่ม ร่มที่เพิ่งซื้อเมื่อวานที่ตลาด Ameyoko ไม่คิดว่าซื้อมาแล้วจะได้ใช้เลยนะเนี่ย  รอให้พี่ดาราเค้าเดินไปก่อน จะวิ่งไปจับเลย เดี๋ยวเค้าจะคิดว่าไม่เคยเห็นเหรอ  ใช่ค่ะ หนูไม่เคยเห็นจริงๆ ฮ่าๆ  พวกพี่ดาราเดินเข้าไปข้างในแล้ว  เหลือแต่เราคนเดียว หิมะกองแรกที่ได้สัมผัส คือหิมะที่Music forest กองนี้แหละ กึ๋ยๆๆ 

 เราค่อยๆนั่งลงไป เอื้อมมือไปกำหิมะที่อยู่ตรงหน้า  เพื่อนเคยบอกว่าของจริงมันจะนุ่มนะ แต่เราจับแล้วมันไม่นุ่มนะ สงสัยโดนน้ำฝน จากที่นั่งรถผ่านก็มีหลายกองที่เริ่มละลายกลายเป็นน้ำแล้ว ถามว่าเหมือนน้ำแข็งไสมั้ย เราว่าไม่เหมือนนะ ไม่รู้ดิ อธิบายไม่ถูก จะเป็นเกล็ดกลมๆใสๆติดๆกัน  เอาล่ะ ปฏิบัติการตามหาหิมะ  เริ่ม!

บรรยากาศด้านหน้า Music forest เงียบมากๆ นักท่องเที่ยวแทบไม่มี ฝนตกใครเค้าเที่ยวกัน  ฉันนี่แหละ!! ฮ่าๆ
มาๆ ตามมา  นี่คือหิมะกองแรกที่ได้ถ่ายรูปด้วย เจอคุณป้าคนไทย  เห็นแกยืนหลบฝนอยู่ใต้ต้นไม้ แกไม่มีร่ม เลยวิ่งเอากล้องไปให้แกถ่ายให้ ขอบคุณคุณป้านะคะ

เดินสำรวจไปอีก ไม่มีคนเลย เมืองร้างมาก แต่เราเดินอยู่คนเดียวก็ไม่น่ากลัวนะ ไม่รู้สึกกลัวเลย ปลอดภัยมากๆ

ตรงนี้หิมะละลายแล้ว

เราจะเดินย้อนกลับไปป้ายที่16 เป็นลานกว้างๆที่มิหิมะกองอยู่ เยอะสุดเท่าที่เห็นละ เราจะเดินไปเล่นหิมะตรงนั้น
ระหว่างทางเจออีก 1 กอง ของจริงกองใหญ่นะ แต่คลองลึกอยู่ ถ้าปีนลงไปกลัวปีนกลับขึ้นมาไม่ได้ ฮ่าๆ

เดินย้อนกลับมาป้ายที่16

เจออีก 1 กอง

ตรงไปอีก ป้ายที่16 Museum of Art

ทางเข้า

เจอป้อม คล้ายๆป้อมยาม มีคนมั้ยน๊า ถ้ามีจะขอให้เค้าถ่ายรูปให้  เพราะมองไปรอบๆ ไม่มีใครเลย มีเราแค่คนเดียว  ยังดีมีให้หลบฝน

และที่นี่สิ่งที่เราตามหามาทั้งชีวิต !! แถ่น แทน แท๊น หิมะ !!!!!!!!!!

เดินเข้าไปอีก

นี่เป็นก้าวเล็กๆของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติ (เดี๋ยวๆคุ้นๆนะ ฮ่าๆ)

เต็มๆตา  ลานหิมะขาวๆที่เรานั่งรถผ่านเมื่อกี๊นี้  โอ๊ย ฟินอ่ะ 

วิ่งไปหลบฝนที่ป้อม  จัดเซลฟี่ไปหลายชอทรัวๆ มีนักท่องเที่ยว เดินผ่านมา 2-3 คน  แต่เค้าเดินเข้าไปในมิวเซียมนะ ไม่เห็นมีใครเดินตากฝนมาถ่ายรูปที่หิมะที่ลานแบบเราเลย ฮ่าๆ ก็ไม่เคยเห็นอ๊ะ!!  กำลังเช็ครูปเซลฟี่กับลานหิมะที่ป้อม  มีนักท่องเที่ยวเอเชีย  ชายหญิงมาด้วยกันสองคน เหมือนคนไทยมาก เราเลยทักเค้า
เรา : คนไทยป่ะคะ? ถ่ายรูปให้หน่อยได้มั้ยคะ? (พูดไทย รัวๆ)
เค้า : @@#$%*^&**&$#$^%^&* (พูดจีน รัวๆ)
เรา : (เย้ย !ไม่ใช่คนไทย นึกว่าคนไทย เปลี่ยนโหมดด่วน) ยูมาจากไหนกันเหรอ?
เค้า : มาจากสิงคโปร์แล้วก็มาเลเซีย
เรา :โอ้ สิงคโปร์ (มิน่าถึงพูดจีน)
เค้า : ยูมาเที่ยวคนเดียวเหรอ?
เรา : ใช่ ไอมาคนเดียว
เค้า : เจ๋งอ่ะ !
เรา : (ไอไม่เจ๋งหรอก ไอหาคนมาด้วยไม่ได้ หาคนทุ่มเทค่าตั๋วโปรกับไอไม่ได้  ฮ่าๆ) ยูค้างที่นี่เหรอ?
เค้า :ใช่ พวกไอค้างที่นี่คืนนึง  แล้วยูล่ะ?
เรา : อ๋อ ไอ ไป-กลับ ไอมาจากโตเกียว ไอพักที่โตเกียว เดี๋ยวบ่ายก็กลับแล้ว
เค้า : ยูมาญี่ปุ่นกี่วัน?
เรา : ไอมา4วัน ไอมาตั้งแต่วันศุกร์แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ไอก็กลับไทยแล้ว ยูถ่ายรูปกับหิมะให้ไอหน่อยได้มั้ย? ไอไม่เคยเห็น นี่ครั้งแรกเลย พลีสสสส
ได้คนถ่ายรูปให้แล้ว วิ่งออกจากป้อมยาม ฝ่าฝน ยืนถ่ายรูปตรงลานหิมะ เค้าถ่ายให้เรามั่ง เราถ่ายให้เค้ามั่ง เย่!! ดีใจ มีรูปกลับไทยแล้ว ฮ่าๆ แล้วเค้าก็ไปที่อื่นต่อ เหลือแต่เรา ตอนนี้เที่ยงกว่า ฝนตกฟ้าปิด กับอุณหภูมิ 2 องศา เอาสิฟูจิก็ไม่เห็น ไม่เป็นไร เห็นบนเครื่องบินก็ดีใจแล้ว ทริปนี้เน้นหิมะ บินมาหกชั่วโมง ถ้าไม่เจอนี่ร้องไห้เลยนะ วันนี้ได้เห็นของจริงแล้ว ถึงอากาศจะไม่เป็นใจ หิมะจะไม่ตรึมเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยก็ได้เห็น ได้สัมผัส  เพลงของพี่นภ พรชำนิ ดังขึ้นมาในใจของเรา
อดทนเวลาที่ฝนพรำ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง ( นี่กุ๊นนี่แก๊น ทูซั้นชายยยย) ฮ่าๆๆ  
ว่ามันคุ้มค่าแค่ไหนที่เฝ้ารอจริงๆค่ะ คุณผู้โช้ม  หลังจากเช็ครูปในกล้อง เกือบลืมทำภารกิจ นั่นคือปั้น snow man ดูคลิปวิธีปั้นมาอย่างจริงจังในyoutube เค้าปั้นกันตัวใหญ่กว่าคนอีก เราก็กะจะปั้นแบบนั้น แต่หิมะตรงหน้าไม่อำนวยจริงๆ เปียกฝน เกาะเป็นก้อน จะละลายหมดแล้วเนี่ย
เลยได้มาแค่นี้ ตัวเล็กๆ เอาคอหนีบร่มไว้  สองมือปั้นๆเป็นก้อนกลม  หน้าชามาก น้ำมูกไหลยังไม่รู้สึก จนย้อยเข้าปาก ฮ่าๆ หนาวจริงไรจริง  ขอบคุณญี่ปุ่น ที่ทำให้รู้ว่าหนาว2องศาเป็นยังไง คือหนาวม๊าก ทั้งหนาวทั้งฝน เสร็จละ Snow man ตัวแรกในชีวิต  ฝีมือเก๊าเอง  (กลับโตเกียวเอารูปมาดู เพิ่งรู้ว่าลืมใส่ตา  เลยดูโล้นๆไปนิด ฮ่าๆ)

ไปหอบหิมะมาก้อนนึง วิ่งมาหลบฝนที่ป้อมยาม  อันนี้เยอะไปนะ

ทุบออกหน่อย ฮ่าๆ

เราอยู่ตรงนี้ชั่วโมงกว่าๆ  ตอนแรกจะไปป้ายที่ 21 ป้ายสุดท้ายด้วย แต่ขี้เกียจรอรถ นานๆรถจะมาที รถกลับShinjuku ออกบ่ายสาม กลัวตกรถ  ก็เลยกลับไปที่สถานีเลยดีกว่า ได้เล่นหิมะแล้ว mission complete แล้ว เย่ !หนูทำได้ !  เดินออกมารอรถหน้ามิวเซียม  Retro bus จะจอดตามป้าย ขากลับต้องเดินไปขึ้นฝั่งตรงข้าม
ป้ายที่16 Museum of Art

รถน้อยมากๆ เมืองเงียบมากๆ  เรามองไปฝั่งซ้าย ไม่มีรถขับ เลยก้าวลงถนนกำลังจะข้าม ปรากฏว่าฝั่งซ้าย มีรถมาจ้า กรี๊ด ! เลยถอยหลังขึ้นไปรอบนฟุตบาทใหม่  ปรากฏสิ่งที่ได้รับคือ  รถสามคัน หยุดตรงทางม้าลายให้เราคนเดียว เดินข้าม โอ้ว !! อเมซิ่ง!!! เค้าไม่โบกมือ ไม่บีบแตรใส่เราด้วยนะ  เราก็เลยรีบโค้งๆ อาลิกาโตะให้เค้า ด้วยความเกรงใจมากๆ  สุดยอดอ่ะ

รอรถฝั่งตรงข้ามกับนักท่องเที่ยวอีกสองคน รอไม่นาน สักพักรถก็มา หนาวสุดๆ ขึ้นมาบนรถแล้วค่อยยังชั่วหน่อย อุ่นนิดนึง

นั่งยาวๆมาลง หน้าสถานี ญี่ปุ่นนี่ฝนบ้านเค้าตกจริงจังจริงๆอ่ะ ไม่มีวี่แววว่าจะหยุดเลย
ลงมาแล้ว ข้ามไปรอที่รถด้านในสถานี

นั่งเล่น ดูของฝาก ได้โปสการ์ดรูปยอดภูเขาไฟฟูจิมาด้วย เดี๋ยวเขียนส่งกลับไทยที่สนามบินวันพรุ่งนี้  
รถกลับShinjuku ออก 15.10 รถมาแล้ว

นี่ตั๋วขากลับ เก็บตั๋วไว้ด้วยอย่าเพิ่งทิ้ง  ตอนลงที่Shinjuku คนขับจะเก็บตั๋วไว้


ไปขึ้นรถกันเถอะ จะกลับแล้ว บ๊ายบาย Kawaguchiko มารอบหน้าขอฟ้าเคลียร์ๆ จะมาเซลฟี่กับคุณฟูจิ ^^

ขึ้นมาบนรถแล้ว อดทนเวลาที่โฟ้นพราม อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง (เพลงพี่นภ พรชำนิ ดังขึ้นอีกครั้ง )

รถออกแล้ว ทางโตเกียวก็ฝนก็ตกไม่หยุดเหมือนกัน ระหว่างทางก็ตกตลอดทาง พอใกล้ถึงโตเกียวรถแอบติดนิดหน่อย แต่ไม่ถึงกับหงุดหงิด
มาถึงShinjuku โดยสวัสดิภาพ เย่ !

เป็น 1วัน ที่มาเร็วเคลมเร็วมาก ได้เล่นหิมะไม่ถึง 2ชั่วโมง แต่ก็คุ้มแล้ว สำหรับทริปนี้ : )

"เวลาที่คุณใช้ไปอย่างมีความสุข  เวลานั้นไม่สูญเปล่า " : John Lennon

โปรดติดตามตอนต่อไป >> EP. 5 Bye Bye Japan ,I'll be back : )  คลิก>>http://arrowinjapan.blogspot.com/2015/04/ep5-bye-bye-japan-ill-be-back.html

Facebook : https://www.facebook.com/Journey-of-Arrow-1161356250559423/?fref=ts